posttoday

สสส.จับมือสช.สร้างถนนปลอดภัยครบ77จังหวัดในปี62

02 เมษายน 2562

สสส.จับมือสช.เปิดพื้นที่นำร่อง 10 จังหวัด ร่วมแก้ไขปัญหา30จุดเสี่ยง เล็งสร้างถนนปลอดภัยตั้งเป้าครบ77จังหวัดในปีนี้

สสส.จับมือสช.เปิดพื้นที่นำร่อง 10 จังหวัด ร่วมแก้ไขปัญหา30จุดเสี่ยง เล็งสร้างถนนปลอดภัยตั้งเป้าครบ77จังหวัดในปีนี้

เมื่อวันที่ 2เมษายน 2562 เวลา10.00น. ที่ลานสวนเพลิน ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และ นพ.พลเดช ปิ่นประทีป เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เปิดกิจกรรม“Thailand Big move Road Safety” เพื่อรณรงค์ลดอุบัติเหตุสู่เส้นทางถนนปลอดภัยไร้อุบัติเหตุ ซึ่งภายในงานยังมีการถ่ายทอดสดจากจังหวัดนำร่องจุดเสี่ยงกลายเป็นถนนปลอดภัย 4 ภาค 4 พื้นที่

สสส.จับมือสช.สร้างถนนปลอดภัยครบ77จังหวัดในปี62

ดร.สุปรีดา กล่าวว่า จากประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา สสส. และภาคีเครือข่ายรวมทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ได้ร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนของประเทศในระดับหนึ่ง แต่ปัญหาและสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในบ้านเรา มีองค์ประกอบหลักสำคัญ 3 อย่าง คือ คน รถ ถนนและสิ่งแวดล้อม เรื่อง “คน” ดูจะเป็นปัญหาสำคัญ เพราะจากการวิเคราะห์ของทางฝ่ายวิชาการ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่า สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมการขับขี่ ล่าสุดปี 2561 มีการออกใบสั่งจำนวน 11,734,415 ใบ และมีจำนวนผู้ชำระค่าปรับเพียง 18% และยังพบว่า คนไทยมีใบสั่งซ้อนสูงสุด144 ใบใน 1 ปี ซึ่งเป็นรถขนส่งของภาคเอกชน เห็นชัดว่าบ้านเรายังต้องทำงานกับเรื่องการปรับพฤติกรรมอีกมาก และในส่วนของ“ถนน” บ้านเรามีถนนที่อยู่ในความดูแลของหลายหน่วยงาน ซึ่งยังนับว่ามี “จุดเสี่ยง” อยู่มาก ถ้าหากประชาชนได้เข้ามาร่วมชี้จุดเสี่ยง คอยสอดส่องเป็นหูเป็นตาให้หน่วยงานรัฐ/หน่วยงานเจ้าของถนน ได้ดำเนินการแก้ไข ก็จะช่วยได้มาก เพราะทางวิชาการชี้ว่า องค์ประกอบของสาเหตุอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น 27% เกิดจากถนนและสิ่งแวดล้อม ซึ่งก็คือ “จุดเสี่ยง” (ข้อมูลจากศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย) เริ่มจากตรงนี้ร่วมกัน ลามไปจนช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องอื่นๆ ต่อไป

สสส.จับมือสช.สร้างถนนปลอดภัยครบ77จังหวัดในปี62

นายแพทย์พลเดช ปิ่นประทีป เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) กล่าวว่า มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ได้ให้ความสำคัญกับการลดปัญหาอุบัติเหตุมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราต้องวางมาตรการ สร้างโมเดลเพื่อแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เน้นแนวร่วมจากภาคประชาชน จากภาคีเครือข่าย ดึงท้องถิ่นเข้ามาช่วย ที่ผ่านมาเราได้จัดทำโครงการคนเห็นคน โดยใช้แนวคิดที่ว่า “เปลี่ยนจากคนเกาะรั้วมาเป็นนักแสดง” หรือที่เรียกว่าเปลี่ยนคนดู มาเป็นนักแสดง ทำให้เขาได้เข้ามามีบทบาท คิดวิเคราะห์ เกิดการมีส่วนร่วมประชุมแลกเปลี่ยน หาจุดอ่อนจุดแข็ง และจากจุดเล็กๆที่คนกลุ่มนี้เอาใจมาเชื่อมกัน ก็จะกลายเป็นภาพใหญ่ ประสานหน่วยงานที่มีอำนาจนำไปขยายผล เช่น มหาดไทย ปภ. ทางหลวง ตำรวจ จนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในที่สุด จึงนำมาสู่โครงการ “Thailand Big move Road Safety”

“คิดแบบบ้านๆ เลยก็คือ การหาไอเดียของคนในชุมชน ชาวบ้านว่าเขาอยากทำอะไร ซึ่งจากคนเล็กคนน้อยนี่แหละ จะสามารถลุกขึ้นมาเป็นเจ้าของปัญหา นำองค์ความรู้ไปขยายผล ต้องชื่นชมให้กำลังใจกัน แม้มันจะไม่สำเร็จในเร็วๆนี้ แต่มันก็เป็นสิ่งที่ท้าท้าย และได้เห็นพลังของสังคมในการตื่นตัว เริ่มจาก 10 จังหวัด แก้ไขได้ 30 จุดเสี่ยง ขยายไปเรื่อยๆ ใน 283 อำเภอเสี่ยง และภายในปีนี้คาดว่าจะครบทั้ง 77 จังหวัด จึงอยากเชิญประชาชน มาร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยกัน มาร่วมเป็นเครือข่าย Thailand Big Move for Road Safety เพื่อเปลี่ยนประเทศไทยให้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุทางถนน”นายแพทย์พลเดช กล่าว.