posttoday

"บิ๊กเต่า" สั่งเข้มห้ามเกิดไฟในป่าอนุรักษ์-ป่าสงวน คาดโทษจนท.ไร้น้ำยาจัดการ

01 เมษายน 2562

รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯสั่งกำชับห้ามเกิดไฟป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์-ป่าสงวน พร้อมคาดโทษเจ้าหน้าย่อหย่อนไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้

รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯสั่งกำชับห้ามเกิดไฟป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์-ป่าสงวน พร้อมคาดโทษเจ้าหน้าย่อหย่อนไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้

จากสถานการณ์การเกิดไฟป่าและหมอกควันเพิ่มขึ้นอย่างมากในเขตภาคเหนือและโดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดเชียงใหม่ ในระยะที่ผ่านมาจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน จนสถานศึกษาหลายแห่งต้องประกาศปิดการเรียนการสอนนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 เม.ย. 62 พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ปัญหาหมอกควันไฟป่าในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา มีผลการปฏิบัติงานควบคุมได้ดีเป็นที่น่าพอใจ แต่ในปีนี้ มีปัจจัยหลายอย่างทำให้เกิดปัญหาขึ้นมากกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งทุกหน่วยงานทั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนฝ่ายปกครอง ตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัดจนถึงระดับกำนันผู้ใหญ่บ้าน รวมถึงฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่จะต้องช่วยกันสอดส่องว่านอกจากเกิดไฟป่าเองตามธรรมชาติแล้ว มีผู้ตั้งใจจุดไฟป่าเพื่อทำกิจกรรมหรือวัตถุประสงค์อื่นแอบแฝงหรือไม่ และจะต้องดำเนินการสืบหาจับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด

ทั้งนี้ ได้กำชับให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมป่าไม้ดำเนินการตรวจสอบเฝ้าระวัง และป้องกันมิให้เกิดไฟป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ และป่าสงวนแห่งชาติ หากเจ้าหน้าที่ระดับใดย่อหย่อนประสิทธิภาพไม่สามารถดำเนินการได้ตามนโยบายก็จะพิจารณาลงโทษอย่างเฉียบขาด รมว. ทส. กล่าวในที่สุด

ขณะที่ นายโสภณ ทองดี ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะโฆษกประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำโดยนายวิจารย์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ และนายประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ประชุมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่นละอองในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ ร่วมกับ พลเอก ศิวะ ภระมรทัต ผู้บัญชาการกองกำลังจิตอาสา ศอญ. จอส. 904 นายธีรภัทร์ ประยูรสิทธิ์ ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักนายกรัฐมนตรี นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นักวิชาการ และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานจากส่วนกลางและส่วนภูมิภาคจำนวนมาก ณ ห้องประชุม 2 อาคาร SME ภายในศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่

ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงห่วงใยปัญหาหมอกควันไฟป่าที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ อีกทั้ง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ยกระดับการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เร่งแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ และประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจให้กับประชาชน และการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการป้องกันแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า

นอกจากนี้ในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ ได้มีคำสั่งจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์แก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าจังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้อำนวยการศูนย์ มีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานในพื้นที่ร่วมปฏิบัติงาน และผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเป็นเลขาผู้ประสานงานประจำศูนย์

ทั้งนี้ การปฏิบัติงานจะใช้รูปแบบ Single Command เพื่อให้การปฏิบัติงานเกิดความชัดเจน รวดเร็ว และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน สำหรับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานระดับพื้นที่ภายใต้สังกัดให้การสนับสนุนเครื่องมือ อุปกรณ์ นักวิชาการ รวมถึง สรรพกำลังในการปฏิบัติงานอย่างเต็มที่ และนายกรัฐมนตรีจะเดินทางลงตรวจเยี่ยมพื้นที่และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 2 เม.ย. 2562 นี้ด้วย

สำหรับมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อเตรียมการรองรับการระงับเหตุและการป้องกันปัญหาหมอกควันไฟป่าในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ ทุกหน่วยงานได้แสดงเจตจำนงในการร่วมมือหยุดการลุกลามของไฟป่า (Hot spot) ที่เกิดขึ้นในทุกพื้นที่และป้องกันเหตุไฟป่าที่อาจจะเกิดขึ้นใหม่

นอกจากนี้ ทางจังหวัดเชียงใหม่ได้จัดเตรียมทีมงานด้านสาธารณสุขและจิตอาสาเข้าดูแลสุขภาพประชาชน จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ตรวจสภาพรถยนต์และเครื่องยนต์ที่อาจก่อให้เกิดควันดำ ตรวจสภาพโรงงานอุตสาหกรรมและเหมืองแร่ เพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองที่อาจจะเกิดขึ้น สำหรับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 2,000 นาย เฮลิคอปเตอร์ดับไฟป่าจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 3 ลำ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 1 ลำ ร่วมสนับสนุนการปฏิบัติงานกับทุกหน่วยงานในพื้นที่และดำเนินการควบคุมป้องกันการเกิดไฟป่าในพื้นที่รับผิดชอบทั้งเขตอุทยานแห่งชาติ และเขตป่าสงวนอย่างเข้มข้น