posttoday

สธ.ตั้งเป้าปี62โรงพยาบาลทุกแห่งในสังกัดต้องปลอดภัย

15 มีนาคม 2562

กระทรวงสาธารณสุขตั้งเป้าโรงพยาบาลรัฐทุกแห่งให้ความสำคัญความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคลากรทางสาธารณสุข

กระทรวงสาธารณสุขตั้งเป้าโรงพยาบาลรัฐทุกแห่งให้ความสำคัญความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคลากรทางสาธารณสุข

เมื่อวันที่ 15มี.ค.62 ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปิดการประชุมวิชาการประจำปี HA National Forum ครั้งที่ 20 พร้อมปาฐกถาพิเศษ “โรงพยาบาล HA โรงพยาบาลคุณภาพและความปลอดภัย”ที่อิมแพคเมืองทองธานี

ศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล กล่าวว่า ขณะนี้มีโรงพยาบาลสมัครเข้าร่วมโครงการเพื่อพัฒนาเป็น 2P Safety Hospitals (นโยบายความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคลากรสาธารณสุข) จำนวน371 แห่ง ครอบคลุมทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชนในทุกสังกัด ในปีนี้ที่ประชุมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขมีมติเห็นชอบร่วมกันให้โรงพยาบาลในสังกัดของกระทรวงสาธารณสุขทุกแห่ง เป็น “2P Safety Hospital” เพื่อให้เกิดผลลัพธ์บริการที่ดีทั้งกับผู้ป่วย ญาติ และบุคคลากร ร่วมกันสร้างการเปลี่ยนแปลงในระบบบริการสุขภาพของประเทศไทย ผ่านความร่วมมือของทุกภาคส่วน นำไปสู่การมีระบบและวัฒนธรรมความปลอดภัยที่ดีในระบบบริการสุขภาพอย่างยั่งยืน

“แนวคิดงานประชุมวิชาการในปีนี้ เชื่อมั่นว่ากระทรวงสาธารณสุข องค์กรวิชาชีพ และองค์กรต่างๆ ที่ร่วมกันผลักดันนโยบาย 2P Safety มีความตั้งใจดีที่จะร่วมกันสร้างระบบบริการสุขภาพที่ดีเพื่อทุกคน แต่การขับเคลื่อนเชิงนโยบายใด ๆ ก็ตามไม่สามารถสำเร็จผลได้ หากไม่มีการนำนโยบายสู่การปฏิบัติด้วยความเข้าใจ วันนี้ผมเห็นโอกาสแห่งความสำเร็จของนโยบายนี้ เพราะนอกจากโรงพยาบาลจะนำแนวทาง หลักคิด วิธีการเรื่อง 2P Safety ไปปฏิบัติแล้ว สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาลยังบูรณการ เรื่อง National Patient and Personnel Safety เข้าไปในมาตรฐานการรับรองคุณภาพสถานพยาบาลฉบับปัจจุบัน ซึ่งนำไปสู่ผลลัพธ์ที่สามารถจับต้องได้คือ ความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคลากร” ศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล กล่าว

ขณะที่ นพ.กิตตินันท์ อนรรฆมณี ผู้อำนวยการสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) หรือ สรพ. กล่าวว่า การประชุมวิชาการครั้งนี้ อยากเห็นเจ้าหน้าที่และคนที่เกี่ยวข้องกับระบบสาธารณสุขและโรงพยาบาลได้เข้าใจ ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยการมีส่วนร่วมของเครือข่ายเพื่อนำไปต่อยอดสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่คาดหวังว่าจะเห็นประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

“โรงพยาบาลหรือสถานบริการสุขภาพจะต้องมีการปรับตัวและเปลี่ยนแปลงระบบงาน กระบวนการรองรับที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น ระบบการดูแลรักษาผู้ป่วย ที่จะมีเทคโนโลยีเข้ามามากขึ้น ในโรงพยาบาลเล็กๆ จะมีเทคโนโลยีช่วยในการรักษา หรือแม้แต่ผู้ป่วยอาจไม่จำเป็นต้องเดินทางมาโรงพยาบาล ในส่วนของสถานบริการ จะมีการเปลี่ยนแปลงในมิติของการเชื่อมต่อกับหน่วยงานภายนอก เช่น การส่งยา เวชภัณฑ์ เพื่อให้ตอบโจทย์ที่ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ซึ่งการ AI หรือ เทคโนโลยีและหุ่นยนต์จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น” นพ.กิตตินันท์ กล่าว

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบประกาศนียบัตร ให้กับสถานพยาบาลผ่านการต่ออายุการรับรองกระบวนการคุณภาพ (HA)จำนวน 233 แห่ง, กิตติกรรมประกาศ เครือข่ายบริการสุขภาพระดับจังหวัด จำนวน 4 เครือข่าย,กิตติกรรมประกาศ สถานพยาบาลผ่านการรับรองมาตรฐานเฉพาะโรค จำนวน 18 แห่ง, ประกาศนียบัตร สถานพยาบาลที่บรูณามิติจิตวิญญาณในการพัฒนาคุณภาพ (SHA Award) จำนวน 6 แห่ง, กิตติกรรมประกาศ สถานพยาบาลผ่านกระบวนการคุณภาพขั้นที่ 2 จำนวน 9 แห่ง และ กิตติกรรมประกาศ สถานพยาบาลผ่านกระบวนการคุณภาพขั้นที่ 1 จำนวน 7 แห่ง

นอกจากนี้ นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบเกียรติบัตรชื่นชมคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) จำนวน 48 อำเภอ และคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับเขต (พชข.) 2 เขต ของกรุงเทพมหานคร ที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินงาน และเป็นแบบอย่างที่ดี และกล่าวว่า การทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง ตำมแนวคิด “พื้นที่เป็นฐาน ประชาชนเป็นศูนย์กลาง” ก่อให้เกิดวัฒนธรรม “คนอำเภอเดียวกันไม่ทอดทิ้งกัน” ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญคือ การเพิ่มคุณภาพชีวิตประชาชน และลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรมทางสังคม เกิดชุมชนสุขภาวะ เมืองสุขภาพดี เป็นสังคมที่เกื้อกูลและแบ่งปัน