posttoday

ศาลปค.สูงสุดสั่งปรับผอ.เขตประเวศแก้ตลาดป้าทุบรถล่าช้า

08 มีนาคม 2562

ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนคดีป้าทุบรถปรับผอ.เขตประเวศ5พันบาทฐานแก้ปัญหาตลาดล่าช้า

ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนคดีป้าทุบรถปรับผอ.เขตประเวศ5พันบาทฐานแก้ปัญหาตลาดล่าช้า

ที่ศาลปกครองกลาง ถนนแจ้งวัฒนะ ศาลอ่านคำสั่งของศาลปกครองกลางสูงสุด ในคดีที่ นางสาวบุญศรี แสงหยกตระการ กับพวก รวม 4 คน ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านพักในหมู่บ้านเสรีวิลล่า ย่านสวนหลวง ร.9 ที่เคยมีปัญหาพิพาทกับกลุ่มเปิดตลาดนัดใกล้บ้านจนเกิดความเดือดร้อน และมีการฟ้องคดีหน่วยงานรัฐ ซึ่งระหว่างนั้นมีผู้นำรถมาจอดขวางหน้าบ้านจนเกิดเหตุทุบรถกัน ยื่นฟ้องผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กับพวก รวม 4 คนคดีนี้ศาลปกครองกลางแผนกคดีสิ่งแวดล้อม มีคำสั่งให้ผู้อำนวยการเขตประเวศ ผู้ถูกฟ้องที่ 2 ชำระค่าปรับต่อศาล เป็นเงิน 5,000 บาท ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งศาล เนื่องจากไม่ได้ปฏิบัติตามคำบังคับที่ศาลสั่งในคดีให้ถูกต้องครบถ้วน หรือปฏิบัติล่าช้าเป็นไปโดยไม่มีเหตุอันสมควร

ต่อมา ผู้อำนวยการเขตประเวศ ผู้ถูกฟ้องที่ 2 ยื่นอุทธรณ์ คำสั่งปรับเงินดังกล่าว โดยศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งที่ คส.3/2562 วินิจฉัยว่า ผู้อำนวยการเขตประเวศ ผู้ถูกฟ้องที่ 2 ได้รับแจ้งคำสั่งของศาลที่กำหนดมาตรการหรือวิธีการ เพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2556 อันเป็นช่วงเวลา ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2561 นางสาวรัตนฉัตร แสงหยกตระการ อายุ 57 ปี และนางสาวมณีรัตน์ แสงภัทรโชติ อายุ 61 ปี ใช้เสียม และขวานทุบรถกระบะนิสสัน รุ่นนาวาร่า สีขาว ที่จอดขวงประตูหน้าบ้านแม้ผู้ถูกฟ้องที่ 2 จะได้ชี้แจงต่อศาลว่า ได้มีการดำเนินการและปฏิบัติให้เป็นไปตามคำสั่งศาลแล้วก็ตาม แต่จากรายงานของสำนักบังคับคดีปกครอง ที่ได้ออกตรวจสถานที่พิพาทหลายครั้ง และแจ้งต่อศาลเป็นระยะว่า ผู้ถูกฟ้องที่ 2 ยังไม่ได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามคำสั่งศาลให้ถูกต้องครบถ้วนและปฏิบัติล่าช้า เช่น ยังพบมีการนำสินค้ามาวางจำหน่ายในที่ และทางสาธารณะบริเวณโดยรอบบ้านของผู้ฟ้องทั้งสี่ และมีการทิ้งสิ่งปฏิกูลลงในท่อระบายน้ำ ทำให้เกิดการอุดตัน เป็นต้นสอดคล้องกับ คำแถลงของผู้ฟ้องทั้งสี่ว่า ผู้ถูกฟ้องที่ 2 ไม่ได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามคำสั่งของศาล และการประกอบกิจการตลาดพิพาท ยังคงก่อให้เกิดเหตุเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้ฟ้องทั้งสี่อย่างต่อเนื่องมาโดยตลาด

กรณีจึงรับฟ้องได้ว่า ผู้ถูกฟ้องทั้ง 2 ปฏิบัติราชการแทนกรุงเทพมหานคร ผู้ถูกฟ้องที่ 1 ในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่น ไม่ได้ดำเนินการใช้บังคับกฎหมายอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2561 รถจอดขวางหน้าบ้านจนมีการทุบรถ แล้วผู้ถูกฟ้องที่ 2 จึงได้กำหนดมาตรการหรือวิธีการในการปฏิบัติให้เป็นไปตามคำสั่งของศาลตามลำดับขั้นตอน และติดตามการดำเนินการอย่างเคร่งครัดต่อเนื่อง จนกระทั่งไม่มีผู้ค้านำสินค้ามาวางจำหน่าย และไม่ตั้งวางสิ่งของบริเวณรอบบ้านพักอาศัยของผู้ฟ้องทั้งสี่ทั้งนี้ หากผู้อำนวยการเขตประเวศ ผู้ถูกฟ้องที่ 2 ไม่ละเลย แล้วดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อเนื่องนับตั้งแต่เมื่อได้รับแจ้งคำสั่งศาลในวันที่ 5 สิงหาคม 2556 ปัญหาข้อพิพาทต่างๆ ในระหว่างการพิจารณาพิพากษาคดีโดยเฉพาะเหตุการณ์เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2561รถจอดขวางหน้าบ้านจนมีการทุบรถย่อมไม่เกิดขึ้น ประกอบกับเมื่อนับระยะเวลาตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง คือ วันที่ 1 สิงหาคม 2556 จนถึงวันที่ศาลนัดไต่สวน ในวันที่ 2 มีนาคม 2561 นับเป็นระยะเวลากว่า 4 ปีเศษ ซึ่งเป็นระยะเวลานานพอสมควร

ดังนั้น จึงถือได้ว่า กรุงเทพมหานคร ผู้ถูกฟ้องที่ 1 โดย ผู้อำนวยการเขตประเวศ ผู้ถูกฟ้องที่ 2 ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามคำสั่งกำหนดมาตรการคุ้มครอง เพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษาโดยล่าช้าเกิดสมควร และเมื่อข้อเท็จจริงรับฟ้งได้ว่า การที่ผู้อำนวยการเขตประเวศ ผู้ถูกฟ้องที่ 2 ไม่ได้ปฏิบัติตามคำบังคับของศาลปกครองให้ถูกต้องครบถ้วน หรือปฏิบัติล่าช้า โดยไม่มีเหตุอันสมควร การที่ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องที่ 2 ชำระค่าปรับต่อศาล เป็นเงินจำนวน 5,000 บาท โดยให้ชำระภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งศาล จึงเป็นจำนวนเงินค่าปรับที่เหมาะสมกับสัดส่วน ความรับผิดชอบของผู้ถูกฟ้องที่ 2 และตามสมควรแก่กรณีแล้ว จากที่กฎหมายให้ศาลปกครองมีอำนาจกำหนดคำบังคับใช้ชำระค่าปรับต่อศาลตามจำนวนที่สมควร ครั้งละไม่เกิน 50,000 บาทแต่เมื่อผู้อำนวยการเขตประเวศ ผู้ถูกฟ้องที่ 2 ก็ได้นำเงินจำนวนดังกล่าวมาชำระค่าปรับต่อศาล ถือได้ว่าผู้ถูกฟ้องที่ 2 ได้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลถูกต้องครบถ้วนแล้ว ศาลปกครองสูงสุด ไม่จำเป็นต้องพิจารณาเรื่องที่ขอให้ระงับการปฏิบัติตามคำสั่งปรับอีกต่อไป

ดังนั้นการที่ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องที่ 2 ชำระค่าปรับต่อศาล โดยให้ชำระภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งศาล และหากผู้ถูกฟ้องที่ 2 ไม่ชำระค่าปรับ ศาลอาจมีคำสั่งให้มีการบังคับคดีแก่ทรัพย์สิน ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2559 มาตรา 75/4 วรรคหนึ่ง, วรรคสาม และวรรคสี่ นั้น ศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วย จึงมีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองกลาง.