posttoday

"บิ๊กโจ๊ก" เผยรู้ตัวคนปลอมราชกิจจาแล้วมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

22 กุมภาพันธ์ 2562

"พล.ต.ท.สุรเชษฐ์" ยันยังตามตัวคนปลอมราชกิจจา เด้งผบ.เหล่าทัพ เผย รู้ตัวคนทำผิดแล้ว มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ประสานกสทช.ตั้งวอร์รูมจับตาโซเชียลช่วงเลือกตั้ง

"พล.ต.ท.สุรเชษฐ์" ยันยังตามตัวคนปลอมราชกิจจา เด้งผบ.เหล่าทัพ เผย รู้ตัวคนทำผิดแล้ว มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ประสานกสทช.ตั้งวอร์รูมจับตาโซเชียลช่วงเลือกตั้ง
 
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 22 กพ. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ผบช.สตม.) ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (รองศปอส.ตร.) กล่าวถึงกรณีการติดตามตัวผู้ปลอมแปลงราชกิจจานุเบกษา สั่งปลดผู้บัญชาการ 3 เหล่าทัพ ว่า ยืนยันว่าการสืบสวนยังอยู่ในกรอบการทำงาน 7 วัน ซึ่งทราบตัวผู้กระทำผิดแล้วว่าเป็นใครบ้าง มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งมีต้นตอเซิร์ฟเวอร์อยู่ในกลุ่มประเทศโซนยุโรป

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ประเด็นในการจับกุมผู้ต้องหากลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทยนั้นต้องใช้ระยะเวลา หากอยู่ในภูมิภาคอาเซียนจะรวดเร็วกว่านี้ โดยในการทำงานจะต้องประสานกระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อขออนุมัติออกหมายจับผู้ร้ายข้ามต่อไป

รองผอ.ศปอส.กล่าวว่า  ขณะนี้ได้ประสานไปยังสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เพื่อดำเนินการปิดกั้นเว็บไซต์ที่เผยแพร่ดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว และได้ร่วมกับ กสทช. จัดทำวอร์รูม เฝ้าระวังการใช้สื่อโซเชียลในทางที่ผิดอยู่แล้ว โดยเฉพาะ ช่วงการเลือกตั้ง ที่มีการใช้สื่อโซเชียลดำเนินการทางการเมืองมากขึ้น แต่ไม่ได้จับตาเพจการเมืองใดเป็นพิเศษ เพราะหากมีการกระทำผิดเกิดขึ้น ก็จะปรากฎชัดอยู่แล้ว โดยย้ำเตือนไปยังผู้ใช้สื่อโซเชียลต่าง ๆ ระมัดระวังการโพสต์หรือแชร์ข้อมูล ต้องไม่ทำให้เกิดผลกระทบต่อบุคคลอื่น ไม่ว่าจะเป็นการทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง หรือทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย ซึ่งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มีการจับกุมผู้กระทำผิดแล้วกว่า 50 ราย แม้ยังไม่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง แต่ส่วนใหญ่เป็นการโพสต์ข่าวปลอมข่าวลือสร้างความตื่นตระหนก โดยยืนยันว่า แม้จะกระทำผิดในต่างแดน ก็สามารถดำเนินคดีได้

"ฝากเตือนประชาชนให้ระมัดระวังในการใช้สื่อโซเชียลที่มีจุดประสงค์ทางการเมือง เพราะทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย และให้หยุดการกระทำที่ไม่เหมาะสม เช่น ชวนร่วมกลุ่มเพื่อทำกิจกรรมทางการเมือง ขอให้ตรวจสอบข้อมูลข่าวสารว่าถูกต้องหรือไม่ เพราะนอกจากจะดำเนินคดีกับผู้เผยแพร่แล้ว ผู้ที่ส่งต่อก็จะมีความผิดได้เช่นกัน"พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าว