posttoday

"หญิงไก่"ร่ำไห้ อุทธรณ์ยกฟ้องคดีค้ามนุษย์

12 กุมภาพันธ์ 2562

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ยกฟ้อง "หญิงไก่" คดีค้ามนุษย์ ชี้การกระทำจำเลยไม่เข้าองค์ประกอบความผิด และไม่ต้องชดใช้ค่าสินไหม ขณะที่เจ้าตัวถึงกับร่ำไห้ทรุดลงกราบศาล

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ยกฟ้อง "หญิงไก่" คดีค้ามนุษย์ ชี้การกระทำจำเลยไม่เข้าองค์ประกอบความผิด และไม่ต้องชดใช้ค่าสินไหม ขณะที่เจ้าตัวถึงกับร่ำไห้ทรุดลงกราบศาล

เมื่อเวลาเวลา 10.00น. วันที่ 12 กพ. ที่ห้องพิจารณา 708 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหญิงไก่ค้ามนุษย์หมายเลขดำ คม.76/2559 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ 2 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นางมณตา หยกรัตนกาญ  หรือหญิงไก่ อายุ 61 ปี ผู้ที่เคยสมอ้างเป็นคุณหญิงและอ้างมีความใกล้ชิดชนชั้นสูง เป็นจำเลย ในความผิดฐานค้ามนุษย์ โดยกระทำแก่บุคคลอายุเกิน 15 ปีฯ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 4, 6 , 35 , 52

โดยอัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 10 ต.ค.59 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า ต้นเดือน มิ.ย.49–ปลายเดือน ต.ค.53 น.ส.ดาลิน หล้าคำ อายุ 19 ปี ผู้เสียหายที่ 1 สมัครทำงานเป็นแม่บ้านไว้ที่ศูนย์จัดหางานใน จ.ปทุมธานี ต่อมาศูนย์ฯ ส่งตัวผู้เสียหายไปทำงานกับจำเลยที่ประชานิเวศน์คอนโด เขตจตุจักร กทม. ระหว่างนั้นจำเลยหลอกลวงบังคับใช้แรงงานผู้เสียหายที่ 1 ให้ทำงานบ้านตั้งแต่เวลา 05.00–22.00 น. ทุกวัน ไม่มีวันหยุด โดยจำเลย ไม่จ่ายค่าจ้างให้ จ่ายเพียงค่ายังชีพเล็กน้อย แล้วจำเลยยังขู่ว่า หากผู้เสียหายที่ 1 ไม่ยอมทำงานแล้วจะกลับบ้าน จำเลยก็จะแจ้งตำรวจจับ บิดา-มารดา จนผู้เสียหายที่ 1 เกิดความกลัวว่าเกิด อันตรายต่อชีวิตและเสรีภาพทั้งกับตัวเองและบิดามารดา เพราะเคยเห็นจำเลยแจ้งตำรวจให้จับกุมดำเนินคดีกับลูกจ้างคนอื่นที่ออกจากงาน ด้วยการกล่าวหาว่าลักทรัพย์ จำเลย จึงทำให้ผู้เสียหายที่ 1 ต้องตกอยู่ในภาวะจำยอมทำงานให้จำเลย ซึ่งการกระทำของจำเลยเป็นการค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายจากการบังคับใช้แรงงาน

ต่อมาระหว่างต้นเดือน พ.ค. 51-ปลายเดือน เม.ย.52 จำเลย ยังหลอกลวง น.ส.กาญจนา ปองลาภสุนทร ผู้เสียหายที่ 2 จาก จ.แม่ฮ่องสอนด้วย โดยจำเลยไปอ้างกับบิดามารดาของผู้เสียหายว่าเป็นคุณหญิง ชอบช่วยเหลือคนยากจน จึงจะให้ผู้เสียหายมาทำงานด้วยที่ กทม. จะให้เงินๆ เดือนละ 6,000 บาท พร้อมส่งเสียให้เรียนพยาบาลฟรีโดยจำเลยได้ให้เงินกับบิดา-มารดาไว้ 5,000 บาท เพื่อให้ความยินยอมพาผู้เสียหายมา แต่ภายหลังเมื่อจำเลยพาผู้เสียหายมาพักที่ประชานิเวศน์คอนโดแล้ว ได้ยึดบัตรประชาชนผู้เสียหายที่ 2 ไว้ ก่อนบังคับ ทำงานเช่นเดียวกับผู้เสียหายที่ 1 โดยไม่ได้ส่งเสียให้เรียน และเมื่อต้นเดือน ก.ค.52–ก.พ.53 จำเลยได้หลอกลวง น.ส.ขวัญจิรา จิรสกุลโชคชัย อายุ 17 ปีเศษ ผู้เสียหายที่ 3 ให้มาทำงานแม่บ้านกับจำเลยที่ประชานิเวศน์คอนโด โดยอ้างว่าจะให้เงินๆ เดือนละ 4,500 บาท และให้ผู้เสียหายเรียกว่าคุณหญิง  กับบังคับใช้แรงงานตั้งแต่ 05.00–23.00 น. ไม่มีวันหยุด โดยให้ทำงานบ้านและนวดตัวให้จำเลย ซึ่งเป็นการบังคับใช้แรงงานเด็ก มีลักษณะคล้ายกับการเอาคนลงเป็นทาสด้วยวิธีการข่มขู่ ขณะที่จำเลยถูกจับกุมในคดีอื่น แล้วเมื่อวันที่ 29 ก.ค.59 พนักงานสอบสวนจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา ชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ

โดยวันนี้ ศาล เบิกตัว นางมณตาหรือหญิงไก่ จำเลยที่ถูกคุมขังอยู่ในทัณฑสถานหญิงกลางมาโดยตลอดนับตั้งแต่ปี 2559 ที่ถูกอัยการยื่นฟ้องคดีค้ามนุษย์รวม 2 สำนวน และคดีหมิ่นเบื้องสูงอีกสำนวน มาฟังคำพิพากษา

ขณะที่คดีศาลชั้นต้น มีพิพากษาไปเมื่อ 19 ต.ค. 60 เห็นว่าสำหรับผู้เสียหายที่ 1 และ 3 พยานหลักฐานยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีพฤติการณ์ข่มขู่ หรือเข้าข่ายความผิดตามฟ้อง เนื่องจากไม่มีการยึดบัตรประชาชน และการทำงานเป็นไปด้วยความสมัครใจ ยังไม่มีพยานหลักฐานพิสูจน์ว่าผู้เสียหายต้องทำงานต่อเนื่องตั้งแต่ 05.00 น. ถึง 22.00 น.จริง และยังรับฟังไม่ได้ว่า มีการข่มขู่บิดาของผู้เสียหายที่ 3 เพื่อแสวงหาจากการบังคับใช้แรงงาน โดยพยานหลักฐานโจทก์รับฟังได้เพียงว่า จำเลยได้ยึดบัตรประชาชนจำเลยที่ 2 มาเก็บไว้ โดยจำเลยไม่จ่ายค่าจ้างเดือนละ 6,000 บาทตามที่ตกลงกันไว้ และยังไม่ส่งผู้เสียหายที่ 2 เรียนพยาบาลตามที่เคยมีการตกลงกันไว้ ซึ่งพิจารณาเเล้วถึง แสดงให้เห็นจำเลยมีเจตนาหาประโยชน์โดยมิชอบจากการใช้แรงงาน มีความผิดตาม พ.ร.บ.ค้ามนุษย์ฯ ให้จำคุก 4 ปี แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีจึงลดโทษให้ 1 ใน 4 เหลือจำคุก 3 ปี และให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เสียหายที่ 2 เป็นเงิน 590,007 บาท

ต่อมาจำเลย ยื่นอุทธรณ์ ซึ่ง ศาลอุทธรณ์ ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องจำเลยฐานค้ามนุษย์ โดยบังคับใช้แรงงาน ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 6 ซึ่งจะต้องเป็นการกระทำเพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เป็นธุระจัดหากักขังหน่วงเหนี่ยว โดยข่มขู่ ใช้กำลังบังคับ หรือโดยให้เงินหรือผลประโยชน์อย่างอื่นแก่ผู้ปกครอง หรือบุคคลนั้น

แต่ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยจัดให้ผู้เสียหายที่ 2 ซึ่งเป็นเด็ก ได้พักอาศัยในคอนโดประชานิเวศน์ ให้ทำงานบ้าน ซึ่งนอกจากผู้เสียหายที่ 2 แล้ว ยังมีผู้เสียหายที่ 1 และ 3 ทำงานบ้านเช่นเดียวกัน โดยทั้งสามแบ่งหน้าที่กันทำให้ช่วยดูแลจำเลยกับบุตรเพียง 2 คนเท่านั้น เชื่อว่างานที่ผู้เสียหายทำไม่หนักมาก

และยังได้ความจากผู้เสียหายที่ 2 ว่า จำเลยได้ให้เงินครั้งละ 1,000 บาท ให้โทรศัพท์ , ให้ค่าเดินทางกลับบ้าน 2,000 บาท และโอนเงินให้อีก 5,000 บาท กับพาไปเที่ยวต่างจังหวัดบางครั้ง อีกทั้งเวลาว่างสามารถออกไปซื้อของข้างนอกได้ แสดงว่าผู้เสียหายที่ 2 มีอิสระ ไม่ได้ถูกกักขัง

แม้จะปรากฏว่า จำเลยชวนผู้เสียหายที่ 2 มาทำงาน และอ้างว่าจะส่งเสียให้เรียนพยาบาล แต่กลับมอบเงินให้บิดามารดา 5,000 บาท จนยินยอมให้พาผู้เสียหายไปทำงาน และเมื่อไปแล้วกลับไม่ส่งเสียให้เรียน รวมทั้งไม่จ่ายค่าจ้างกับยังนำบัตรประชาชนมาเก็บไว้ก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงก็ยังไม่ปรากฏจากการนำสืบว่าระหว่างที่ผู้เสียหายทำงานกับจำเลยนั้น จำเลยได้กระทำใดเป็นการข่มขืนใจให้ผู้เสียหายทำงานที่จะทำให้ผู้เสียหายจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สิน หรือขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้าย หรือทำให้ผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้แต่อย่างใด

อีกทั้ง ยังได้ความจากผู้เสียหายที่ 2 เองว่า จำเลยเป็นคนโมโหง่าย แต่ไม่เคยบังคับข่มขู่ให้ทำงาน ข้อเท็จจริงที่โจทย์นำสืบมายังฟังไม่ได้ว่าเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ โดยการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ การกระทำของจำเลยจึงไม่ครบองค์ประกอบการกระทำผิดฐานค้ามนุษย์ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 6 (2) 

ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์แผนกคดีค้ามนุษย์ ไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น

สำหรับคดีส่วนแพ่ง เมื่อฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิด จึงเลยจึงไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้เสียหายที่ 2 จึงพิพากษากลับยกฟ้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษา "นางมณตา" หรือหญิงไก่ ร้องไห้ด้วยความดีใจ ก่อนทรุดลงกับพื้นและก้มลงกราบหน้าบัลลังก์ศาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ หญิงไก่ ขณะนี้ก็ถูกจำคุกคดีหมิ่นเบื้องสูง 2 สำนวน  หมายเลขดำ อ. 3186/2559 และหมายเลขดำ อ.3592/2560 สำนวนละ 7 ปี 6 เดือน ที่จำเลยขอรับสารภาพซึ่งศาลชั้นต้นตัดสินเมื่อวันที่ 6 มิ.ย.60 และ 29 ม.ค.61

ขณะที่คดีค้ามนุษย์ หมายเลขดำ คม.98/2559 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ 2 ยื่นฟ้องว่ากรณีเมื่อต้นเดือน พ.ค.51 - 30 พ.ย.53 จำเลย อ้างตัวว่าเป็นคุณนาย มีนิสัยใจบุญชอบช่วยเหลือคนยากจน แล้วชวนผู้เสียหายอายุ 16 ปีจาก จ.แม่ฮ่องสอน ไปทำงานที่กรุงเทพฯ จะให้เงินเดือน 5,000 บาท และจะอุปการะส่งเสียเรียนหนังสือ โดยให้มาอาศัยที่ประชานิเวศน์คอนโดของจำเลย แต่ภายหลังบังคับผู้เสียหายเป็นคนรับใช้ ทำงานตั้งแต่เวลา 05.00 น. – 22.00 น.ทุกวันไม่มีวันหยุดและไม่จ่ายค่าตอบแทน ศาลชั้นต้นก็มีคำพิพากษายกฟ้อง

 

 

ภาพประกอบข่าว