posttoday

จับ "ร.ต.อ." งัดรถตำรวจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

11 กุมภาพันธ์ 2562

รวบ "ร.ต.อ." งัดรถตำรวจที่จอดไว้ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สารภาพนอกจากงัดรถแล้วยังขโมยคอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์ของหลวงด้วย

รวบ "ร.ต.อ." งัดรถตำรวจที่จอดไว้ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สารภาพนอกจากงัดรถแล้วยังขโมยคอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์ของหลวงด้วย

เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 62 ผู้สื่อข่าวรายงาน พ.ต.อ.ภพธร จิตต์หมั่น ผู้กำกับการสน.ปทุมวัน ได้รับรายงานเหตุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกองรักษาการณ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ได้จับกุม ร.ต.อ.เอกชัย เพ็งจันทร์ อายุ 41 ปี รอง สว.ฝ่ายธุรการและกำลังพล กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หลังก่อเหตุใช้ไขควงงัดรถเก๋งฮอนด้าของ ส.ต.ท.อนุสรณ์ บุษบาบาล ผบ.หมู่ กก.2 บก.ส.3 บช.ส. ที่จอดไว้บริเวณลานจอดรถหน้าอาคารกองพิสูจน์หลักฐาน พฐ. (อาคาร 16) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมของกลางเป็น อุปกรณ์ในการงัดแงะและทรัพย์สินที่ถูกขโมยไปหลายรายการ

รายงานระบุว่า เหตุเกิดเมื่อเวลา 05.00 น. ของวันที่ 9 ก.พ. ขณะที่ ส.ต.ท.อนุสรณ์ กำลังเดินไปบริเวณลานจอดรถก็ได้พบชายกำลังงัดรถอยู่ ส.ต.ท.อนุสรณ์ จึงแสดงตัวขอตรวจสอบจนทราบว่าผู้ก่อเหตุชื่อ ร.ต.อ.เอกชัย

จากการสอบถาม ร.ต.อ.เอกชัย รับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริงได้ทรัพย์สิน ยางอะไหล่ รองเท้าคอมแบต รองเท้าผ้าใบ และพระเครื่อง เลี่ยมพลาสติกเชือก อีกทั้งรับสารภาพด้วยว่า ก่อเหตุลักเครื่องพีซีคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่างๆมาจากชั้น 4 อาคาร 6 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำสิ่งของทั้งหมดไปเก็บไว้ในรถกระบะ ของผู้ต้องหาที่จอดไว้ใกล้กับรถผู้เสียหาย จากการตรวจค้นพบของกลางทั้งหมดอยู่ภายในรถจริง เจ้าหน้าที่จึงนำตัว ร.ต.อ.เอกชัยพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ดำเนินคดี

พ.ต.อ.ภพธร กล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนสอบปากคำ ร.ต.อ.เอกชัยแล้ว แจ้งข้อหาลักทรัพย์ในสถานที่ราชการในเวลากลางคืน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตามข้อกล่าวหา ขณะนี้ควบคุมตัวไว้ในห้องขัง สน.ปทุมวัน ก่อนนำตัวส่งศาลอาญากรุงเทพใต้ ในวันที่ 11 ก.พ.นี้ ส่วนการดำเนินการทางวินัยต้นสังกัดจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนต่อไป

ขณะที่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า บช.ส.ได้มีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ร.ต.อ.เอกชัย และมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว โดยพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ทราบแล้ว ได้สั่งการให้สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานด้วยความรอบคอบรวดเร็ว หากทำผิดจริงต้องเอาโทษให้ถึงที่สุดทั้งทางวินัยและทางอาญาอย่างเด็ดขาด โดยต้องรับโทษหนักกว่าบุคคลธรรมดาเพราะว่าเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายแต่กลับทำผิด

ภาพ www.policenews.co.th