อสส.ยันคดี "ฮาคีม"ข้อหาเข้าหลักเกณฑ์ส่งผู้ร้ายข้ามแดน รัฐบาลไม่ได้แทรกแซง

อัยการสูงสุด ยันคดี "ฮาคีม" รัฐบาลไม่มีการแทรกแซงการทำงาน ย้ำ ข้อหาเข้าหลักเกณฑ์ส่งผู้ร้ายข้ามแดน

เมื่อวันที่ 6 ก.พ. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.)นายธรัมพ์  ชาลีจันทร์ รองเลขานุการอัยการสูงสุด ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมนายประยุทธ์ เพชรคุณ อัยการพิเศษฝ่ายและรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และนายชัชชม อรรฆภิญญ์  อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ ร่วมกันแถลงความคืบหน้าคดีส่งผู้ร้ายข้ามแดน นายฮาคีม อาลี โมฮัมเหม็ด อาลี อัลโอไรบี เพื่อให้ศาลพิจารณาและมีคำสั่งให้ส่งตัวนายฮาคีม ให้กับราชอาณาจักรบาห์เรน ประเทศผู้ร้องขอ หลังประเทศผู้ร้องขอแจ้งว่านายฮาคีม เป็นจำเลยในคดีอาญาแล้วหลบหนีไป

นายธรัมพ์ กล่าวว่า ประเทศไทยซึ่งเป็นผู้รับคำร้องขอได้พิจารณาแล้วเห็นว่า คำร้องของประเทศผู้ร้องขอ เพื่อขอให้ส่งนายฮาคีมฯ เป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปดำเนินคดีอาญานั้น เป็นข้อกล่าวหาคดีอาญา  ซึ่งเป็นการกระทำที่ได้บัญญัติให้เป็นความผิดตามกฎหมายของประเทศไทยด้วย และข้อหาต่าง ๆ ดังกล่าว มีอัตราโทษจำคุกไม่น้อยกว่า 1 ปี อีกทั้ง ไม่ใช่ความผิดทางการเมืองหรือความผิดทางการทหาร กรณีจึงเข้าหลักเกณฑ์และข้อกฎหมายตามพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2551

“สำนักงานอัยการสูงสุดได้รับเรื่องแล้วได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามคำร้องของประเทศผู้ร้องขอ พบว่า นายฮาคีม ถูกดำเนินคดีที่ศาลอาญากลาง เขต 1 แห่งราชอาณาจักรบาห์เรน ในข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์ ทำให้เสียทรัพย์ และมีวัตถุระเบิด ไว้ในความครอบครอง ซึ่งต่อมาศาลอาญากลาง เขต 1 ได้มีคำพิพากษาจำคุก 10 ปี หลังจากนั้น นายฮาคีม ได้หลบหนีไป และมาถูกควบคุมตัวในประเทศไทยในครั้งนี้” รองโฆษก อสส. กล่าว

นายธรัมพ์ กล่าวว่า จุดยืนของรัฐบาลไทยเมื่อเข้าสู่ระบบกระบวนการยุติธรรมไทยจะไม่มีการเข้าไปแทรกแซงก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรม สำหรับการพิจารณาคดีดังกล่าวซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณาคดีอีกสักระยะ จึงไม่สามารถคาดเดาเวลาได้ว่าจะใช้เวลานานเท่าใดและมีคำสั่งอย่างไร ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล และยืนยันว่ากระบวนยุติธรรมไทยมีมาตรฐาน และคุ้มครองรักษาสิทธิผู้เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ทางผู้ต้องหาสามารถนำหลักฐานมาต่อสู้ทางคดีในชั้นศาลได้ ยืนยันไม่มีการกดดันการทำงานจากฝ่ายใด