posttoday

ฝุ่นเมืองลดลง ศิริราชเตือนระวังสารก่อมะเร็ง

19 มกราคม 2562

หมอศิริราชแนะมาตรการการดูแลสุขภาพจากผลกระทบฝุ่นขนาดเล็กระวังสารก่อมะเร็งเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง

หมอศิริราชแนะมาตรการการดูแลสุขภาพจากผลกระทบฝุ่นขนาดเล็กระวังสารก่อมะเร็งเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจและสมอง

สถานการณ์ฝุ่นละอองในช่วงเช้าวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา หลายพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล คุณภาพอากาศอยู่ในระดับคุณภาพปานกลางถึงเริ่มมีผล กระทบต่อสุขภาพ โดยพบเกินมาตรฐาน 50 ไมโครกรัม (มคก.)/ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ลดเหลือ 4 พื้นที่ ส่วนพื้นที่ทั่วไปตรวจวัดได้ระหว่าง 36-59 มคก./ลบ.ม. ขณะที่การตรวจในช่วงเย็นคุณภาพอากาศโดยรวมอยู่ในระดับดีถึงเริ่มมีผล กระทบต่อสุขภาพ เกินมาตรฐาน 1 พื้นที่  โดยรวมปริมาณฝุ่นละอองมีแนวโน้มลดลง

สำหรับในต่างจังหวัด พบว่า มีจังหวัดที่มีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน ได้แก่ บางพื้นที่ของสมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม โดยมีค่า PM2.5 ระหว่าง 54-74 มคก./ลบ.ม.

พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เปิดเผยว่า เหล่าทัพเตรียมพร้อมที่จะทำบิ๊กคลีนนิ่งครั้งใหญ่ในวันอาทิตย์ที่ 20 ม.ค.นี้ โดยเฉพาะเส้นทางจัดกิจกรรมไบค์ อุ่นไอรัก ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะเรียกประชุมเพื่อบูรณาการความร่วมมือในการลดปัญหาฝุ่นพิษ โดยเฉพาะพื้นที่ที่น่ากังวล โดยเหล่าทัพจะแบ่งพื้นที่ดำเนินการ

ด้านความคืบหน้าในการแก้ปัญหาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในส่วนของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน แห่งประเทศไทย (รฟม.) ภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการ รฟม. กล่าวว่า ได้สั่งงดเว้นกิจกรรมก่อสร้างที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองในพื้นที่ก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า 3 โครงการ ได้แก่

1.โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม สีชมพู และสีเหลือง เช่น งานถมดิน ในช่วงวันที่ 16-22 ม.ค. รวมถึงให้ผู้รับจ้างก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าทุกสายทำความสะอาดพื้นที่ก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าและถนนสาธารณะ ทำความสะอาดล้อรถก่อนออกจากพื้นที่ก่อสร้าง ปิดคลุมกระบะรถบรรทุกและกองวัสดุก่อสร้างให้มิดชิด

2.ยกเว้นค่าบริการจอดรถยนต์ สำหรับผู้ใช้บริการรถไฟฟ้ามหานคร (MRT สายสีม่วง) ตั้งแต่วันที่ 18 ม.ค.-28 ก.พ. 2562 เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนหันมาใช้บริการรถไฟฟ้าแทนการใช้รถยนต์ โดยประชาชนสามารถนำรถยนต์ไปจอดและเดินทางต่อด้วยรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วงได้ ณ อาคารจอดแล้วจรทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ อาคารจอดแล้วจรสถานีคลองบางไผ่ รองรับรถยนต์ได้ 1,986 คัน อาคารจอดแล้วจรสถานีสามแยกบางใหญ่ รองรับรถยนต์ได้ 1,296 คัน อาคารจอดแล้วจรสถานีบางรักน้อยท่าอิฐ รองรับรถยนต์ได้ 1,076 คัน อาคารจอดแล้วจรสถานีแยกนนทบุรี 1 รองรับรถยนต์ได้ 565 คัน

ขณะที่ศูนย์สำรวจความคิดเห็น "นิด้าโพล" สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง "ปัญหาฝุ่นละอองในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล" พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่  53% ระบุว่า ได้รับผลกระทบ ขณะที่ 46% ไม่ได้รับผลกระทบ ในจำนวนผู้ที่ระบุว่าได้รับผลกระทบ ส่วนใหญ่ 48% ระบุว่า หายใจไม่สะดวก รองลงมา 41% แสบจมูก 24% ระคายเคืองตา ที่เหลืออีก 10% เกิดอาการไอ จาม เจ็บคอ แสบคอ

วันเดียวกัน คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล จัดแถลงข่าว "มาตรการการดูแลสุขภาพจากผลกระทบฝุ่นขนาดเล็ก" โดย นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจฯ กล่าวว่า ผลกระทบนอกจากเกิดกับผู้ป่วยและผู้สูงวัย และมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่มักลืมนึกถึง คือ กลุ่มเด็ก ซึ่งหมายรวมไปถึงคนอายุ 20 ปี ซึ่งหากเด็กอยู่ในย่านที่มีฝุ่น PM2.5 สมรรถภาพจะถดถอยกว่าเด็กในวัยเดียวกันในพื้นที่ที่ไม่มีฝุ่นหรือฝุ่นน้อย ถ้าเราต้องอยู่ภายใต้ ฝุ่นเช่นนี้หลายๆ ปี สมรรถภาพปอดอาจถดถอยเหมือนคนเป็นโรคถุงลมโป่งพองในคนสูบบุหรี่ นอกจากนี้ ยังทำให้เกิดการระคายเคืองของเซลล์ในปอดตลอดเวลา จึงเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอดได้เหมือนกับบุหรี่ในเวลา 10-20 ปีข้างหน้า

ศ.นพ.วินัย วนานุกูล หัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์ กล่าวว่า การศึกษาในประเทศที่มีปัญหาฝุ่น PM2.5 เช่น จีน สหรัฐอเมริกา ยุโรปบางประเทศ พบว่า ช่วงที่บรรยากาศมีฝุ่นมาก จะมี ผู้ป่วยเข้าห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลสูงขึ้น และมีการเสียชีวิตจากโรคทางปอดและหลอดเลือดหัวใจเพิ่มขึ้น ส่วนในระยะยาวประชาชนอาศัยในพื้นที่ที่มีฝุ่นเป็นเวลานาน พบว่า ประชาชนในเมืองนั้นจะมีโรคเกี่ยวกับโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองสูงขึ้น นอกจากนั้นยังพบว่า มีอาการเกิดโรคสมองเสื่อมเพิ่มขึ้น

"ที่สำคัญคนเรามักคิดว่าฝุ่นคือผงจากคาร์บอนเล็กๆ ที่ละเอียด แต่ความจริงมีมากกว่านั้น เพราะเชื่อว่าอาจมีสารบางอย่างอยู่ในฝุ่นนั้นด้วย เช่น สารโลหะหนักบางชนิด หรือสารก่อมะเร็งด้วย โดยประชากรตรงนั้นก็มีอัตราการเกิดมะเร็งเพิ่มด้วยโดยเฉพาะมะเร็งปอด" ศ.นพ.วินัย กล่าว

วิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสถานการณ์การจำหน่ายหน้ากากอนามัย N95 และดำเนินการตามข้อ ร้องเรียนที่ประชาชนร้องเรียนผ่านสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 โดยเมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา กรมได้ดำเนินคดีผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยราคาแพงเกินจริง จำนวน 2 ราย ร้านแรกเป็นร้านขายยาย่านถนนลาดพร้าว ซอย 9 เขตจตุจักร ได้รับการร้องเรียนว่า ขายหน้ากากอนามัย N95 สูงถึงราคา 90 บาท เป็นการฉวยโอกาสเอาเปรียบผู้บริโภค และร้านที่สองร้านขายยาย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถนนราชวิถี ขายในราคา 191 บาท และไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายปลีกเจ้าหน้าที่จึงได้ร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนเรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ ตามความผิดในมาตรา 29 ตาม พ.ร.บ.ราคาสินค้าและบริการ  พ.ศ.  2542  มีโทษต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท

วิชัย กล่าวว่า หากประชาชนหาซื้อหน้ากากอนามัยไม่ได้ สามารถมาซื้อได้ที่กระทรวงพาณิชย์ (สนามบินน้ำ) โดยจะจัดจำหน่ายหน้ากากอนามัย ทุกวันจันทร์-ศุกร์ วันละ 2.5 หมื่นชิ้น