ร้องตำรวจนักลงทุนอังกฤษบิ๊กไบค์คว่ำมีเงื่อนงำ โยงปมโอนหุ้น

ญาติร้องตำรวจนักลงทุนอังกฤษบิ๊กไบค์คว่ำมีเงื่อนงำ โยงปมโอนหุ้นโครงการหรูเกาะภูเก็ตให้กลุ่มนักธุรกิจไทย

เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 11 ม.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) นายวินเซนท์ แมคโอเว่น อายุ 50 ปี ชาวอังกฤษ ซึ่งเป็นผู้รับมอบ จากนางซาแมนต้า ซิมส์มอนส์ มารดานายสตีเว่น เจมส์ แกรนด์วิลล์ อดีตทนายความและนักธุรกิจสัญชาติอังกฤษ ร้องขอความเป็นธรรมต่อศูนย์อำนวยการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) ให้ตรวจสอบคดีที่นายเซเว่นได้รับบาดเจ็บสาหัสข้างรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ เหตุเกิดที่จังหวัดภูเก็ตในปี 2556 ที่ต่อมามีความพยายามของกลุ่มคนที่มีความเกี่ยวพันกับอดีตรัฐมนตรีให้นายสตีเว่น ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจที่พักหรู โครงการปุระวนา รีสอร์ท ที่หาดในหาน จ.ภูเก็ตโอนหุ้นและที่ดินมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาทให้ โดยสงสัยว่าเหตุที่เกิดกับนายสตีเว่นไม่ใช่อุบัติเหตุ

นายวินเซนท์ กล่าวว่า ในปี 2543  นายสตีเว่น  ซึ่งเป็นนักกฎหมายชาวอังกฤษ  เป็นชาวต่างชาติคนหนึ่งที่รักและหลงใหลประเทศไทย นำเงินสะสมกว่า 800 ล้านบาท ลงทุนซื้อที่ดิน 113 ไร่ ทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในหาดในหาน เกาะภูเก็ต จ.ภูเก็ต ภายใต้ชื่อโครงการ ปุระวนา รีสอร์ท  ต่อมาประสบปัญหาด้านการเงิน การลงทุน จากนั้นในปี 2553 ถูกกลั่นแกล้งจากชายคนหนึ่ง ที่แอบอ้างกว้างขวางในวงสังคมและวงธุรกิจ ให้ต้องรับโทษทางอาญาฐานฉ้อโกงประชาชน แต่ศาลพิพากษายกฟ้องหลังนายสตีเว่น ถูกคุมขังในเรือนจำนานถึง 475 วัน จากนั้นนายสตีเว่นดำเนินการฟ้องร้องกลับแก่บุคคลที่ใส่ความให้ต้องโทษ ในชั้นต้นศาลพิพากษาจำเลยคู่กรณี 2 ปี ก่อนยกฟ้องในชั้นอุทธรณ์ นายสตีเว่นออกมาดำเนินธุรกิจต่อพยายามกู้สถานการณ์ของ ปุระวนา รีสอร์ท  ในปี 2554 นายสตีเว่นได้รู้จักกับนักธุรกิจด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เป็น 2 พี่น้อง ตระกูลดัง ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์คนหนึ่ง  2 พี่น้องแนะนำให้นายสตีเว่นรู้จักกับนาย ป.ตระกูลดัง เลขานุการของรัฐมนตรีคนดังกล่าว และยื่นข้อเสนอทางธุรกิจให้นายสตีเว่นโอนหุ้น 99เปอร์เซ็นต์ของปุระวนา รีสอร์ท ให้ นายป.และนางสาว ก. และพวก โดยอ้างว่านายสตีเว่นมีปัญหาประวัติต้องคดี ไม่สามารถทำธุรกิจได้คล่องตัวนัก จำเป็นต้องมีตัวแทน หรือนอมินีโดยมีการเขียนลงนามสัญญาว่านายสตีเว่นยังคงได้รับประโยชน์ แต่หากภายใน 6เดือนกลุ่มของนาย ป.และ 2พี่น้องไม่สามารถพัฒนาธุรกิจได้ตามสัญญาต้องโอนหุ้นคืนให้นายสตีเว่น การโอนหุ้นและการเขียนสัญญาดังกล่าวเกิดขึ้นในปลายปี 2555

“หลังการทำสัญญาได้เพียง 3เดือน ในวันที่ 24 มี.ค. 2556 มีผู้พบนายสตีเว่นได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ข้างรถจักรยายนต์แบบบิ๊กไบค์ของตัวเอง ริมถนนในพื้นที่ สภ.กะรน จ.ภูเก็ต ศีรษะของนายสตีเว่นถูกกระแทกอย่างรุนแรง ได้รับความกระทบกระเทือนทางสมองอย่างหนัก ขณะที่ตามร่างกายกลับไม่มีรอยฟกช้ำ ตำรวจท้องที่สภ.กะรน สรุปคดีเป็นอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ล้มคว่ำแต่ครอบครัวยังกังขา หลังจากนั้นนายสตีเว่นกลับไปรักษาตัวที่อังกฤษนานมากกว่า 4ปี ในสภาพสมองได้รับความเสียหาย 25เปอร์เซ็นต์ ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ก่อนจบชีวิตลงอย่างทรมาน  ในวันที่ 10 ธ.ค. 2560"นายวินเซนท์ กล่าว

นายวินเซนท์ กล่าวต่อว่า ระหว่างนั้นกลุ่มของนาย ป. ที่ได้รับการโอนหุ้นไป ก็ไม่ได้เข้าไปพัฒนาโครงการปุระวนาฯแต่อย่างใด นำไปสู่การฟ้องร้องของผู้ซื้อโครงการ มีการบังคับคดีโดยกลุ่มคนที่รับโอนหุ้นไม่ได้ต่อสู้คดีศาลบังคับคดีทรัพย์สินขายทอดตลาดชำระหนี้ แต่ความทุพพลภาพของนายสตีเว่นทำให้ไม่สามารถเข้าไปจัดการได้ นายสตีเว่นเสียหายนับพันล้านหมดตัว ครอบครัวได้รับทุกข์ทรมาน จากการที่นักธุรกิจชาวอังกฤษเข้าลงทุนในประเทศไทย และใช้เงินในการต่อสู้คดีค้นหาความจริงในเรื่องนี้กว่า 15 ล้านบาท จากกรณีนี้ได้เป็นโจทก์ฟ้องนาย ป.และพวก ฐานฉ้อโกง แต่ศาลยกฟ้อง ขณะเดียวกันฟ้องร้องทางแพ่งเพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย 3 พันล้าน คดีอยู่ในกระบวนการพิจารณา

“ขอเรียกร้องต่อกระบวนการยุติธรรมไทยให้ความเป็นธรรมกับนายสตีเว่นและครอบครัว ขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และศปอส.ตร. เร่งรัดตรวจสอบว่าเหตุการณ์ที่ดูคล้ายอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับนายสตีเว่นในปี 2556 เป็นการจัดฉากหวังทำร้ายให้บาดเจ็บ เพื่อหวังผลทางธุรกิจหรือไม่ เรื่องนี้เคยร้องต่อกองบังคับการปราบปราม ตั้งแต่นายสตีเว่นมีชีวิตอยู่ในปี 2559 แต่ยังไม่มีความคืบหน้า โดยขอให้สืบสวนพฤติการณ์ของผู้เกี่ยวข้องกับการโอนหุ้นว่ามีความเกี่ยวข้องกับเหตุที่เกิดขึ้นหรือไม่ที่เกี่ยวพันมีความผิดทางอาญาที่นำไปสู่การเสียชีวิตและความเสียหายทางธุรกิจของนายสตีเว่นหรือไม่ ซึ่งคล้ายกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับนักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างชื่อดัง โดยตั้งข้อสงสัยไปยังกลุ่มบุคคลที่มีความเกี่ยวพันกันด้วย”ตัวแทนนักธุรกิจชาวอังกฤษ กล่าว