posttoday

อัยการฟ้องแล้ว"คดีเมจิกสกิน"สำนวนแรก เซรั่มรักแร้ขาว

18 ธันวาคม 2561

รองโฆษกอัยการเผย ฟ้องแล้วกลุ่มผู้ผลิต 3 รายร่วมลวงขายเซรั่มรักแร้ขาวสรรพคุณเกินจริงเสียหายกว่า 10 ล้าน ส่วนสำนวนสองร่วมกับหญิงย้วย-พวกรวม 6 ราย รอนัดสั่งคดี 18 ม.ค.ปีหน้า

รองโฆษกอัยการเผย ฟ้องแล้วกลุ่มผู้ผลิต 3 รายร่วมลวงขายเซรั่มรักแร้ขาวสรรพคุณเกินจริงเสียหายกว่า 10 ล้าน ส่วนสำนวนสองร่วมกับหญิงย้วย-พวกรวม 6 ราย รอนัดสั่งคดี 18 ม.ค.ปีหน้า

เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.61 นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงความคืบหน้าในการสั่งคดี เมจิก สกิน ในสำนวนต่างๆที่ พนักงานสอบสวน บก.ป.ได้ส่งสำนวนมาว่า วันนี้อัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 ได้นัดให้ผู้ต้องหา 6 รายในสำนวนคดีอาญา 23/2561 ที่พนักงานสอบสวน บก.ป. ส่งให้อัยการมาเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.61 (อัยการรับไว้เป็นคดี ส.1 เลขที่ 75/2561) มารายงานตัวเพื่อฟังคำสั่ง แต่ปรากฏว่า บริษัท เมจิกสกิน จำกัดโดยนายกร พวงสน , นายกร พวงสน อายุ 37 ปี , นางวรรณภา พวงสน ภรรยาของนายกร , นายพีร์นิธิ หรือนิน ติรณวัตถุภรณ์, นายกสิทธิ์ หรืออเล็กซ์ วรชิงตัน (หญิงย้วยเน็ตไอดอลผู้โฆษณาขายสินค้าออนไลน์) และนายไมยสิทธิ์ หรือไมย สว่างธรรมรัตน์ ผู้ต้องหาที่ 1-6 ก็ไม่ได้มาพบอัยการ แต่มอบอำนาจให้ทนายความยื่นหนังสือแจ้งขอเลื่อนโดยระบุจะมาพบอัยการอีกครั้งในวันที่ 18 ม.ค.62 พนักงานอัยการจึงได้นัดให้ผู้ต้องหาทั้งหก มาฟังคำสั่งพร้อมกันอีกครั้งในวันที่ 18 ม.ค.62

โดยคดีนี้อธิบดีสำนักงานคดีเศรษฐกิจฯ ได้ตั้งคณะทำงานอัยการขึ้นมาพิจารณาสำนวน เพราะเป็นคดีสำคัญ ก็ให้พิจารณากลั่นกรองให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยมีการสั่งสอบเพิ่มเติม ซึ่งพนักงานสอบสวนก็ได้ส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมครั้งสุดท้ายกลับมาให้อัยการเมื่อวันที่ 21 พ.ย.61 โดยคดีนี้มี น.ส.ทิพารมย์ ชุณหะสุต และผู้เสียหายรวม 59 ราย เป็นผู้กล่าวหาร้องทุกข์ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1-3 ในความผิดรวม 8 ข้อหาฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จฯ สู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ , ร่วมกันผลิตและจำหน่ายอาหารปลอมฯ, ร่วมกันผลิตเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ควบคุมฉลาก โดยแสดงฉลากไม่ถูกต้อง, ร่วมกันโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหารด้วยวิธีอื่นใด เพื่อประโยชน์ในทางการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันผลิตเพื่อขายเครื่องสำอาง และขายเครื่องสำอางโดยแสดงฉลากไม่ถูกต้อง , ร่วมกันผลิตเพื่อขายและขายเครื่องสำอางปลอม , ร่วมกันผลิตเครื่องสำอางไม่ตรงตามที่จดแจ้งไว้

ส่วนผู้ต้องหาที่ 4 - 6 ถูกกล่าวหาในความผิด 3 ข้อหาฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จฯ สู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ , ร่วมกันโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ

รองโฆษกฯ กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.61 ที่ผ่านมา พนักงานอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2  ได้มีคำสั่งฟ้องคดีเมจิกสกินสำนวนแรกไปแล้ว ประกอบด้วยน.ส.ตรีชฎา หรือ ส้ม ใจสบาย อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาที่ 4 ในความผิดร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , หลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนฯ หรือข้อมูลอันเป็นเท็จฯ ส่วนบริษัท ฮานิวโคเรีย จำกัด และ น.ส.ปาจรีย์ วงศ์สมบูรณ์ อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาที่ 5-6  ข้อหาร่วมกันจ้างผลิตเครื่องสำอางไม่จดแจ้งรายละเอียดของเครื่องสำอางตามที่จดแจ้ง, ผู้รับจ้างผลิตเครื่องสำอาง ฉลากมีข้อความที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง, รับจ้างผลิตเครื่องสำอางปลอม ตาม พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ.2558 พร้อมนำตัวไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญาแล้ว

ส่วน บจก.เมจิกสกิน , นายกร และนางวรรณภา พวงสน สามี-ภรรยากัน ผู้ต้องหาที่ 1-3 ที่ถูกกล่าวหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน , หลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนฯ หรือข้อมูลอันเป็นเท็จฯ , ผลิตเพื่อขาย รับจ้างผลิตหรือขายเครื่องสำอางปลอม ในวันดังกล่าว ( 13 ธ.ค.61) ยังไม่ได้มาพบอัยการเพื่อฟังคำสั่งฟ้องเช่นกัน ซึ่งอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจฯ ก็ได้ประสานให้พนักงานสอบสวนติดตามตัวผู้ต้องหาดังกล่าวมาฟ้องต่อศาลอาญาต่อไปแล้ว ซึ่งคดีนี้มีนายธีรพล ผลจันทร์ กับผู้เสียหายรวม 145 คน เป็นผู้กล่าวหา โดยพนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนมาเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.61 และอัยการได้รับไว้เป็นคดี ส.1 ที่ 62/2561

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ คดีเมจิกสกินสำนวนแรก ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 ได้ยื่นฟ้อง น.ส.ตรีชฎาหรือส้ม , บจก.ฮานิวโคเรีย และน.ส.ปาจรีย์ เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341,343 , ความผิดตามพ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ.2558 มาตรา 4 , 14 วรรคหนึ่ง และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ข้อมูลที่บิดเบือน หรือข้อมูลที่เป็นเท็จทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 นั้น โดยศาลอาญา ได้ประทับฟ้องไว้เป็นคดีดำ อ.369/2561 และนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 11 ก.พ.62 เวลา 09.00 น.

โดยคำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อระหว่างวันใดไม่ปรากฏ ประมาณเดือน ก.พ.60 จำเลยทั้งสามร่วมกันโฆษณาหลอกลวง อันเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำให้สรรพคุณผิวกระจ่างใส ชื่อบริษัท เมจิก สกิน (เซรั่มทารักแร้ขาว) อันเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย และประมาณเดือน เม.ย.60 – วันที่ 20 ก.พ.61 ผู้เสียหายได้หลงเชื่อส่งมอบเงิน 10,059,556 บาท ให้แก่จำเลยที่ 1 กับพวกของจำเลยทั้งสามโดยผ่านตัวแทนจำหน่ายหรือบุคคลอื่นโดยทุจริต จึงขอให้ลงโทษตามกฎหมาย