posttoday

กสศ.ขยายเวลาส่งชื่อนักเรียนยากจนพิเศษขอรับเงินอุดหนุน

16 ธันวาคม 2561

กองทุนเพื่อความเสมอภาคการศึกษาขยายเวลาให้โรงเรียนส่งชื่อเด็กยากจนพิเศษเพื่อขอรับเงินอุดหนุนได้ถึง 21 ธ.ค.นี้

กองทุนเพื่อความเสมอภาคการศึกษาขยายเวลาให้โรงเรียนส่งชื่อเด็กยากจนพิเศษเพื่อขอรับเงินอุดหนุนได้ถึง 21 ธ.ค.นี้

เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.  นายสุภกร บัวสาย ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวว่า หลังจากที่ กสศ.เปิดให้สถานศึกษาสังกัด สพฐ.ส่งข้อมูลเพื่อยืนยันรายชื่อนักเรียนยากจนพิเศษ ที่ผ่านเกณฑ์การคัดกรองผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ เพื่อได้รับเงินอุดหนุนปัจจัยพื้นฐานนักเรียนยากจนพิเศษอย่างมีเงื่อนไข

จากการที่คุณครูทั่วประเทศลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลการมีตัวตนอยู่จริง และข้อมูลลักษณะที่อยู่อาศัยเพื่อประเมินสถานะความยากจนของนักเรียนรายคนแล้ว พบว่า มีนักเรียนยากจนพิเศษที่มีตัวตนจริงและขอรับเงินอุดหนุนจาก กสศ. 421,350 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 66.8 ของนักเรียนยากจนพิเศษทั้งหมดซึ่งมีอยู่จำนวน 629,319 คน (สถิติเมื่อ มิ.ย.2561) โดยที่เหลืออีก 207,969 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ไม่ขอรับเงิน จำนวน 65,433 คน เนื่องจากสถานะเศรษฐกิจของนักเรียนและครอบครัวดีขึ้น แรกส่วนคือ นักเรียนย้าย ลาออก พักการเรียนหรือเสียชีวิตอีก 142,536 คน ยังไม่ได้รับการบันทึกข้อมูลจากครูเข้ามาตั้งแต่มีการเปิดระบบตั้งแต่ 22 พ.ย.2561

นายสุภกร กล่าวว่า กสศ.จัดสรรเงินอุดหนุนเพิ่มเติมแก่นักเรียนยากจนที่สุดเป็นครั้งแรก จึงจำเป็นต้องเข้มงวดตรวจสอบสถานะความยากจนด้วยหลักเกณฑ์ตามผลวิจัยเพื่อให้มั่นใจว่า เด็กเหล่านี้มีตัวตนและอยู่ในสถานะครัวเรือนยากจนพิเศษจริง โดยคุณครูทั่วประเทศจะสละเวลาตรวจสอบข้อมูลตามกำหนด ทางกสศ.จึงขยายเวลาเปิดรับข้อมูลสถานะครัวเรือนและรายชื่อนักเรียนที่เข้าเกณฑ์อีกครั้งระหว่างวันที่ 17-21 ธ.ค.นี้ เพื่อตรวจสอบข้อมูลให้เป็นปัจจุบันที่สุด เนื่องจากตัวเลขที่หายไปจำนวน 142,536 คนนั้นสำคัญเพราะอาจมีนักเรียนที่เดือดร้อนมากและอาจหลุดออกนอกระบบการศึกษาเพราะความยากจน

ผู้จัดการ กสศ. กล่าวต่อว่า คณะกรรมการสถานศึกษาจะมีการประชุมเพื่อรับรองความถูกต้องข้อมูลนักเรียนยากจนพิเศษและได้รับการตรวจสอบข้อมูลความยากจนแล้วเพื่อโอนเงินอุดหนุนงวดแรกจำนวนร้อยละ 75 ตามกำหนดระหว่างวันที่ 26-28 ธ.ค.นี้ โดยแบ่งการจัดสรรเป็น 2 ส่วน คือ 1.จัดสรรตรงให้แก่นักเรียน/ผู้ปกครองผ่านทางบัญชีเงินฝากธนาคารหรือผ่านสถานศึกษาเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ และค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาเรียนของเด็ก และ 2.จัดสรรผ่านสถานศึกษาเป็นค่าอาหารในส่วนที่ยังไม่มีการจัดสรร และค่ากิจกรรมลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาให้แก่นักเรียนยากจนพิเศษ

“ต้องยอมรับว่า บทบาทของครูในฐานะผู้ป้อนข้อมูลคือหัวใจสำคัญ  โดยเฉพาะในกลุ่มโรงเรียนขนาดเล็กกว่า 15,800 แห่ง ที่มีข้อจำกัดเรื่องบุคลากร บางโรงเรียนมีครูเพียง 2 คน ด้วยภาระงานที่ล้นมือ อาจส่งผลให้ไม่มีเวลาดำเนินการเรื่องนี้ช้า  ทางออกที่จะช่วยได้ คือ หากผู้ปกครองเห็นว่าบุตรหลานน่าจะอยู่ในกลุ่มที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์คัดกรอง อาทิ ครัวเรือนมีรายได้รวมกันไม่เกิน 3,000 บาทต่อคนต่อเดือน สมาชิกครัวเรือนมีภาวะพึ่งพิง เช่น พิการหรือไม่มีรายได้ สภาพที่อยู่อาศัยทรุดโทรม สามารถแจ้งไปยังสถานศึกษาเพื่อยื่นเรื่องขอรับเงินอุดหนุนได้”

ทั้งนี้ กสศ.เปิดสายด่วนให้บริการปรึกษาข้อมูลที่หมายเลข 02-079-5475 กด 1 ในช่วงวันและเวลาราชการ