posttoday

ป.ป.ง.ตามยึดทรัพย์คดี“เมจิกสกิน” ยันไม่มีล้ม

13 ธันวาคม 2561

ป.ป.ง. เผยความคืบหน้าตรวจสอบยึดทรัพย์ผู้ต้องหาคดีเมจิกสกินย้ำทำงานตามหลักฐานตำรวจ มั่นใจไม่มีล้มหรือถอนแจ้งความ เตรียมแจ้งข้อหากับศิลปินดาราที่เกี่ยวข้องกว่า 50 คน

ป.ป.ง. เผยความคืบหน้าตรวจสอบยึดทรัพย์ผู้ต้องหาคดีเมจิกสกินย้ำทำงานตามหลักฐานตำรวจ มั่นใจไม่มีล้มหรือถอนแจ้งความ เตรียมแจ้งข้อหากับศิลปินดาราที่เกี่ยวข้องกว่า 50 คน

พล.ต.ต.ปรีชา เจริญสหายานนท์ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ป.ป.ง.กล่าวถึงความคืบหน้าคดีผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ อาหารเสริม ไม่ได้คุณภาพ ในเครือบริษัทเมจิกสกิน โดยในส่วนของการตรวจสอบ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ป.ป.ง. ได้ติดตามตรวจสอบการยึดทรัพย์และดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทุกรายที่เกี่ยวข้อง หลังจากที่ ป.ป.ง.ได้ รับเป็นคดีเกี่ยวกับการฟอกเงิน แต่ยอมรับว่าการตรวจสอบทรัพย์ ของผู้ต้องหาในคดีนี้มีความยากลำบากเพราะบางคนนำทรัพย์สินไปหลบซ่อนในรูปแบบต่างๆแต่ไม่ว่าอย่างไร เจ้าหน้าที่ของ ป.ป.ง. จะต้องติดตามและตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ต้องหาในคดีนี้เพื่อมาดำเนินคดีให้ได้ ซึ่งขณะนี้การตรวจสอบมีความคืบหน้าแต่ไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียดเพราะเกี่ยวข้องกับรูปคดี

ส่วนข้อกังวลของผู้เสียหายที่กลัวว่า การฟ้องร้องคดีจะถูกล้มหรือถอนการแจ้งความดำเนินคดี รักษาราชการแทนเลขาธิการ ป.ป.ง.ยืนยันว่า การดำเนินการตรวจสอบทั้งของตำรวจและป.ป.ง.ทุกอย่างยึดตามหลักฐานที่มีการตรวจสอบ และในส่วนของ ป.ป.ง.ก็มีหน้าที่ในการตรวจสอบยึดทรัพย์ซึ่งทำงานตามหลักฐานที่ตำรวจส่งมา

สำหรับการยึดทรัพย์กลุ่มบริษัทเมจิกสกินและผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องทั้งหมด  ขณะนี้ พนักงานสอบสวนได้ยึดทรัพย์ที่เป็นเงินสดมากกว่า 19 ล้านบาทและรถยนต์หรูคันและ 20ล้าน 2 คัน ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบและเตรียมอายัดเพิ่มเติม

ทั้งนี้ ฝากไปยังผู้เสียหายทั่วประเทศให้นำหลักฐานการเสียหายเพื่อไปขอเฉลี่ยทรัพย์ ให้นำหลักฐานไปแจ้งที่ ป.ป.ง. ยื่นความจำนงเพื่อเฉลี่ยทรัพย์ในคดีนี้ แสดงตัวภายใน 30 นับตั้งแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแต่ขณะนี้ยังไม่ได้ประกาศแต่สามารถไปยื่นก่อนไว้ได้ พร้อมเตรียมแจ้งข้อหากับศิลปินดาราที่เกี่ยวข้องกว่า 50 คน

สำหรับกรณีที่มีผู้เสียหายแจ้งข้อมูลว่า ยังพบกลุ่มเครือข่ายบริษัทเมจิสกิน มีการใช้นอมินีดำเนินการผลิตสินค้าหลายรายการและจำหน่ายสินค้าอยู่นั้น ซึ่งเข้าข่ายฉ้อโกงทรัพย์สิน เป็นมูลค่าจำนวนมาก กลุ่มผู้เสียหายจึงขอความเป็นธรรมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบอีกครั้งด้วย