แจ้ง2ข้อหาหนัก-ให้ออกจากราชการทันที "ด.ต." ยิงชาวฝรั่งเศสดับ

ตำรวจแจ้ง 2 ข้อหา "ด.ต." ยิงชาวฝรั่งเศสดับ คุมตัวฝากขัง 14 ธ.ค.นี้ ผบช.น.สั่งให้ออกราชการทันที พบประวัติเคยก่อเหตุไล่ยิงคนมาเมื่อ 6 ปีที่แล้ว

เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีที่ ด.ต.กันตพงษ์ ฮวดศรี ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปราม สน.ลุมพินี ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงชายชาวฝรั่งเศสอายุ 41 ปี เสียชีวิตภายในอาคารแห่งหนึ่งในซอยสุขุมวิท 13 หลังจากที่มีเรื่องทะเลาะวิวาทกันในร้านอาหารและ ด.ต.กันตพงษ์ได้ตามมายิงผู้ตายเสียชีวิตเหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 12 ธ.ค. ก่อนจะเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา , พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร โดยพนักงานสอบสวนจะคุมตัวไปฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ในวันที่ 14 ธ.ค.นี้

จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายและด.ต.กันตพงษ์ รู้จักกันมาได้เกือบ 1 ปี โดยผู้ตายมักเดินทางไปกลับ ไทย-ฝรั่งเศส อยู่บ่อยครั้ง โดยทั้งคู่ได้มีปากเสียงกันภายในร้านดังกล่าว กระทั่งมีการชกต่อยกัน แต่ ด.ต.กันตพงษ์ สู้ผู้ตายไม่ได้ จึงตามมาใช้อาวุธปืนยิงจนเสียชีวิต

พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวว่า จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี ทราบว่า ขณะเกิดเหตุ ด.ต.กันตพงษ์ กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ และได้บังเอิญเจอกับผู้ตาย ซึ่งทั้งคู่ได้มีการรู้จักกันเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว จึงได้มีการพูดคุยกัน จากนั้นได้เกิดวิวาทกันในเรื่องส่วนตัว

เบื้องต้น ทาง ด.ต.กันตพงษ์ รับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ขณะที่สาเหตุที่ทำให้ก่อเหตุดังกล่าว อยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน

พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า เรื่องคดีที่ ด.ต.กันตพงษ์ ได้ก่อเหตุยิงผู้อื่นมาแล้ว เมื่อ 6 ปีก่อนนั้น จะต้องมีการตรวจสอบว่าคดีนี้มีความเป็นมาอย่างไร ทำไมถึงสามารถรับราชการต่อได้

"เรื่องดังกล่าวทำให้ภาพลักษณ์ของตำรวจไทยเสื่อมเสียเป็นอย่างมาก จึงได้มีคำสั่งให้ ปลด ด.ต.กันตพงษ์ ออกจากราชการทันที"พล.ต.ท.สุทธิพงษ์กล่าว

ด้าน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบประวัติพบว่า ด.ต.กันตพงษ์ เคยมีคดีใช้อาวุธปืนไล่ยิงผู้อื่นมาก่อนเมื่อ 6 ปีก่อนตอนนี้อยู่ระหว่างสู้คดี สำหรับผู้ตายได้มาอาศัยใน ประเทศไทยเพื่อหางานทำเป็นเวลา 7-8 เดือนแล้ว

รายงานข่าวแจ้งว่า ปืนที่ใช้ก่อเหตุนั้นเป็นอาวุธปืนของด.ต.กันตพงษ์ ซึ่งได้ฝากไว้กับทางร้าน จากนั้นก่อนกลับทางเด็กเสริฟของร้านได้นำปืนมาคืนให้และได้นำมาก่อเหตุ อย่างไรก็ตามการก่อเหตุครั้งนี้ด.ต.กันตพงษ์ลงมือเพียงคนเดียวเท่านั้น