posttoday

วินหัวร้อนทำร้ายเทศกิจ เงินไม่พอประกันตัว จนท.คุมเข้าเรือนจำ

03 ธันวาคม 2561

ศาลอนุญาตฝากขังหนุ่มวินจักรยานยนต์ทำร้ายเทศกิจหลังฉุนถูกเตือนขี่รถบนทางเท้า ในความผิด 7 ข้อหา ญาติยื่นเงินไม่พอประกันตัว ถูกคุมเข้าเรือนจำ

ศาลอนุญาตฝากขังหนุ่มวินจักรยานยนต์ทำร้ายเทศกิจหลังฉุนถูกเตือนขี่รถบนทางเท้า ในความผิด 7 ข้อหา ญาติยื่นเงินไม่พอประกันตัว ถูกคุมเข้าเรือนจำ

เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. พนักงานสอบสวน สน.โชคชัย ได้ควบคุมตัว "นายสกานต์" อายุ 39 ปี ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง ผู้ต้องหาคดีทำร้ายเจ้าหน้าที่เทศกิจกรุงเทพมหานคร มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 3-14 ธ.ค.นี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จ ต้องรอสอบสวนพยานเพิ่มเติมอีก 4 ปาก และรอผลวินิจฉัยบาดแผลผู้บาดเจ็บ กับผลการตรวจสอบประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหาจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร

คำร้องฝากขัง ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 30 พ.ย.61 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 15.30 น. ขณะ นายสรศักดิ์ สระอุบล เจ้าหน้าที่เทศกิจ ประจำเขตวังทองหลาง ปฏิบัติหน้าที่กวดขันจับกุมผู้ขี่รถจักรยานยนต์บนทางเท้า เมื่อมาถึงบริเวณหน้าปั้มแก๊ส ใกล้กับปาก ซ.ลาดพร้าว 79 ได้พบผู้ต้องหาขี่รถจักรยานยนต์ลงมาจากทางเท้า จึงเรียกให้หยุดรถแล้วเข้าไปซักถามพร้อมตักเตือน

แต่ผู้ต้องหาเกิดความไม่พอใจจึงได้พูดดูหมิ่นผู้กล่าวหาด้วยถ้อยคำหยาบคาย ผู้กล่าวหาจึงได้สอบถามกลับในเรื่องที่ทำกริยาก้าวร้าว แต่ผู้ต้องหาก็ได้ใช้มือทุบที่ไหล่ซ้าย ผู้กล่าวหาถึง 3 ครั้ง แล้วเมื่อผู้กล่าวหาจะนำอุปกรณ์ล็อกดิสเบรคมาล็อกรถจักรยานยนต์ ผู้ต้องหาจึงได้ชักมีดคัตเตอร์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วใช้มือขวาจับหมวกกันน็อคจะตีผู้กล่าวหา โดยกระแทกใส่หน้าผู้กล่าวหา 1 ครั้งแต่ผู้กล่าวหาได้ถอยหลบและใช้มือซ้ายยกขึ้นมาป้องไว้ หมวกกันน็อคจึงโดนแขนซ้ายของผู้กล่าวหา

หลังจากเหตุดังกล่าวแล้วผู้ต้องหายังได้พูดจาดูหมิ่นผู้กล่าวหาอีกเพื่อต้องการจะให้เปิดกุญแจล็อกดิสเบรคดังกล่าว โดยผู้กล่าวหาได้เปิดให้แล้วก็ได้แจ้งเหตุให้ตำรวจจราจร สน.โชคชัย ทราบ ต่อมาตำรวจจราจร จึงเดินทางมายังที่เกิดเหตุผู้ต้องหาก็เริ่มสงบอาการลง ผู้กล่าวหาจึงแจ้งให้ ผู้ต้องหาไปยังสำนักงานเขตวังทองหลางและยึดรถจักรยานยนต์ไว้ โดยเจ้าหน้าที่ได้เปรียบเทียบปรับผู้ต้องหาเป็นเงิน 5,000 บาท ในข้อหา จอดหรือขับขี่รถจักรยานยนต์บนทางเท้า ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดฯ พ.ศ.2535 จากนั้นผู้กล่าวหา ได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีผู้ต้องหาในความผิดอื่น

กระทั่งวันที่ 1 ธ.ค.61 เวลา 16.00 น. ผู้ต้องหาได้เข้าพบพนักงานสอบสวนด้วยตัวเอง ซึ่งการตรวจสอบของพนักงานสอบสวนพบว่า ผู้ต้องหาได้ขี่รถจักรยานยนต์บนทางเท้า และนำรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลมาใช้ขี่รับจ้างส่งผู้โดยสารซึ่งเป็นการใช้รถไม่ตรงประเภทที่จดทะเบียนไว้ และยังพบว่าผู้ต้องหาก็ไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะด้วย โดยรถคันดังกล่าวก็ยังขาดต่อภาษีประจำปี และไม่ได้จัดทำ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัย

พนักงานสอบสวนจึงแจ้งดำเนินคดี 7 ข้อหา ฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีหรือใช้อาวุธ, ดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ , ผู้ใดใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ, ผู้ใดพาอาวุธไปในเมืองหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรฯ ,ขับรถบนทางเท้าโดยไม่มีเหตุอันควร , ใช้รถไม่ตรงตามประเภทที่จดทะเบียนไว้ , ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับรถ,ใช้รถที่จดทะเบียนแล้ว แต่ยังมิได้เสียภาษีประจำปี สำหรับรถนั้นให้ครบถ้วนถูกต้องภายในเวลาที่กำหนด และใช้รถโดยไม่จัดทำประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัยโดยประกันภัยกับบริษัท ตามกฎหมาย

ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

ทั้งนี้ศาลพิจารณาคำร้อง และสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้ตามคำร้อง

ภายหลังการฝากขัง ญาติของผู้ต้องหา ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด 30,000 บาทขอปล่อยชั่วคราวระหว่างการฝากขัง พร้อมเสนอศาลขอติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ กำไลข้อเท้า EM

อย่างไรก็ตาม ศาล พิจารณาแล้วหลักทรัพย์ที่ญาติของผู้ต้องหายื่นนั้นไม่เพียงพอตามวงเงินที่กำหนดไว้ในข้อหาที่ยื่นฝากขัง ดังนั้นจึงให้ยกคำร้อง โดยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก็จะนำตัว ผู้ต้องหา ไปควบคุมที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ระหว่างการฝากขังนี้ต่อไป