posttoday

"บิ๊กโจ๊ก" แถลงจับกุม เพจเฟซบุ๊ก หลอกขายกระทงราคาถูกสูญ 1.5 ล้าน

23 พฤศจิกายน 2561

"พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล" แถลงจับกุม เพจเฟซบุ๊ก หลอกขายกระทงราคาถูก ความเสียหายกว่า 1.5 ล้านบาท

"พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล" แถลงจับกุม เพจเฟซบุ๊ก หลอกขายกระทงราคาถูก ความเสียหายกว่า 1.5 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 23 พ.ย. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 และ พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นในธรรม ผบก.สส.สตม. ร่วมแถลงจับกุม นางสมฤดี เต็มเปี่ยม และ น.ส.เพ็ญพิชชา เต็มเปี่ยม ทั้ง 2 เป็นแม่ลูกกัน ในข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน" หลังเปิดเพจเฟซบุ๊กหลอกขายกระทงเปลือกข้าวโพดให้กับพ่อค้าแม่ค้าแต่ไม่ได้สินค้า มูลค่าความเสียหาย 1.5 ล้านบาท

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ศูนย์ป้องกันเเละปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหายกว่า 60 คน ซึ่งมีกลุ่มมิจฉาชีพเปิดเพจเฟซบุ๊กชื่อ "กระทงเปลือกข้าวโพดราคาถูก" จึงได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าผู้ต้องหา 2 ราย มีพฤติการณ์ร่วมกันเปิดเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวประกาศขายกระทงเปลือกข้าวโพด ในราคาตั้งแต่อันละ 25 บาท ถึง 200 บาท ขั้นต่ำต้องสั่ง 50 ชิ้นขึ้นไป เมื่อผู้เสียหายโอนเงินไปแล้วกลับไม่ได้รับสินค้าตามกำหนดหรือของไม่ครบจำนวน เเละผู้ต้องหาก็อ้างว่าจะคืนเงินให้ หรือจะส่งกระทงให้ตามมาภายหลัง แต่กลับไม่ได้เป็นไปตามที่พูดแถมยังข่มขู่อีกว่าหากไปแจ้งความจะฟ้องกลับทั้งหมด

"อีกทั้ง ผู้เสียหายบางส่วนได้ถูกชักชวนให้เป็นตัวแทนจำหน่ายของแต่ละจังหวัดจึงทำให้สูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก สำหรับผู้ต้องหามีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.กำแพงเพชร ได้ไปติดต่อขอรับซื้อกระทงเปลือกข้าวโพดซึ่งเป็นสินค้าโอท็อปของกลุ่มชาวบ้าน ต.ลานดอกไม้ อ.โกสัมพีนคร จ.กำแพงเพชร แล้วไม่จ่ายเงินให้กับชาวบ้านรายหลายแต่ชาวบ้านไม่กล้าแจ้งความเพราะไม่มีหลักฐานชัดเจน รวมถึง ผู้ต้องหาทั้ง 2 รายแต่งตัวภูมิฐานและเป็นอดีตข้าราชการจึงไม่คิดว่าเป็นพวกมิจฉาชีพ อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนเตรียมนำตัวผู้ต้องหาส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป"

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนการจับกุมกวาดล้างผู้ต้องหาตามหมายจับค้างเก่าในคดีแก๊งโรแมนซ์สแกม (Romance Scam) และ คดีคอลเซ็นเตอร์ (Call Center) ในช่วงวันที่ 17-23 พ.ย.61 สามารถจับกุมได้เพิ่มเติม รวม 20 ราย จาก 25 หมายจับ โดยผู้ต้องหาส่วนใหญ่เป็นคนไทยที่รับหน้าที่ในการเปิดบัญชีให้กับกลุ่มขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งถือว่ามีความผิด รวมถึง ในสัปดาห์หน้าจะดำเนินการจับกุมหญิงไทยที่แต่งงานจดทะเบียนกับต่างชาติเพื่อสามารถให้เข้ากระทำความผิดในไทยได้ โดยที่ผ่านมาทางตำรวจได้ดำเนินการกวาดล้างขบวนการดังกล่าวอย่างจริงจัง จากเดิมที่มีหมายจับ 300 หมาย จนตอนนี้เหลือเพียง 54 หมายจับ