posttoday

จับแก๊งค้ายาเสพติดดัดแปลงถังแก๊สรถซุกยาตบตาเจ้าหน้าที่

19 พฤศจิกายน 2561

รวบเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญ ดัดแปลงถังแก๊สติดรถเอาไว้ซุกของกลางตบตาเจ้าหน้าที่ ยึดยาบ้า 3แสนเม็ด กัญชากว่า 800 กิโลกรัม

รวบเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญ ดัดแปลงถังแก๊สติดรถเอาไว้ซุกของกลางตบตาเจ้าหน้าที่ ยึดยาบ้า 3แสนเม็ด กัญชากว่า 800 กิโลกรัม

เมื่อวันที่ 19 พ.ย. เวลา 09.30 น. ที่กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รรท.รองผบ.ตร. พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิร รรท.ผบช.ปส. พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ รองผบช.ปส. พล.ต.ต.ทนัน อภิชาติเสนีย์ รองผบช.ปส. รวมกับแถลงข่าวการจับกุมขบวนการยาเสพติดรายสำคัญจำนวน 2 ราย ผู้ต้องหาทั้งหมด 8 คน ของกลางยาบ้าจำนวน 300,000 เม็ด กัญชาแห้งจำนวน 827 กิโลกรัม

พล.ต.ท.ชินภัทร กล่าวว่า คดีที่ 1 เจ้าหน้าที่ จับกุมเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญสามารถจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 3 ราย นางสมพร หรือ เจ้สมพร แช่ลิ้ม อายุ 50 ปี พร้อมด้วย นานเกรียงไกร อัศวเดชฤทธิ์ อายุ 36 ปี และน.ส.อนุธิดา แสงทอง อายุ 36 ปี ในข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมของกลาง ยาบ้าจำนวน 150 มัด ประมาณ 300,000 เม็ด รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า จำนวน 2 คัน สามารถจับกุมได้ที่ ด่านตรวจยาเสพติดแม่พริก อ.แม่พริก จ.ลำปาง และต.เวียงมอก อ.เถิน จ.ลำปาง เมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา

พล.ต.ท.ชินภัทร กล่าวว่า การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ บช.ปส. เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 และเจ้าหน้าที่ทางหลวง ได้ร่วมกันสกัดกั้นกลุ่มคนไทยที่ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนภาคเหนือเข้าสู่ตอนในของประเทศไทย โดยเจ้าหน้าที่ได้ติดตามรถยนต์ต้องสงสัยจำนวน 2 คัน ซึ่งเชื่อว่าเป็นรถยนต์ที่ใช้ในการลำเลียงยาเสพติด จึงได้เรียกรถยนต์หมายเลขทะเบียน ณธ 1568 กรุงเทพฯตรงจุดตรวจด่านแม่พริก พบนางสมพร แสดงตัวเป็นเจ้าของรถยนต์

จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบด้วยอุโมงค์เอ็กซ์เรย์พบยาเสพติดซุกซ่อนอยู่ในถังแก๊สแอลพีจี จำนวน 150 มัด ส่วนรถยนต์หมายเลขทะเบียน สห 5556 กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นรถขับนำเส้นทางได้ขับหลบหนีไป ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการติดตามจับกุมได้ที่ซอยแยกจากถนนสายเถิน-ทุ่งเสลี่ยม ต.เวียงมอก อ.เถิน จ.ลำปาง พบ นายเกรียงไกร ผู้ขับ และ น.ส.อนุธิดา นั่งมาในรถด้วยกัน จากนั้นได้ทำการตรวจค้นรถยนต์คันดังกล่าวไม่พบยาเสพติดภายในรถยนต์

พล.ต.ท.ชินภัทร กล่าวว่า สำหรับการขนส่งยาเสพติดโดยใช้การซุกซ่อนยาในถังแก๊สแอลพีจีนั้น เป็นการหลบเลี่ยงการตรวจค้นเนื่องจากหากมองด้วยตาเปล่าก็จะพบว่าเป็นเพียงถังแก๊สธรรมดา ซึ่งภายในถังแก๊สดังกล่าวเป็นการติดตั้งปลอมเพื่อหลอกตาเจ้าหน้าที่เมื่อเปิดไปตรวจสอบภายในพบว่ามียาเสพติดซุกซ่อนเป็นจำนวนมาก

คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส. สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 5 ราย คือ นายชาญพงศ์ ผลจันทร์ อายุ 38 ปี พร้อมด้วย นายชัยวัฒน์ มาตราช อายุ 26 ปี นายสมหมาย โยบุตดา อายุ 51 ปี นายเอกชัย โยบุตดา อายุ 51 ปี และนายวิทยา ศรีหะมงคล อายุ 37 ปี ในข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมของกลาง กัญชาอัดแท่งจำนวน 857 แท่งน้ำหนักประมาณ 857 กิโลกรัม รถยนต์จำนวน 3 คัน โทรศัพท์จำนวน 8 เครื่อง เงินสดจำนวน 27,000 บาท โดยสามารถจับกุม นายชาญพงศ์และนายชัยวัฒน์ ได้ที่บริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท. สาขาวังมะนาว ต.ห้วยโรง อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี สามารถจับกุมนายสมหมายและนายเอกชัยได้ที่บริเวณริมถนนเพชรเกษม ต.เขาใหญ่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี และสามารถจับกุมนานวิทยา ได้ที่บริเวณด่านเก็บเงิน ถนนอโศก-ดินแดง แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ

คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส. สืบทราบว่ามีกลุ่มนักค้ายาเสพติดเครือข่ายนายสมหมาย มีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือไปส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ตอนในและในพื้นที่ภาคใต้ และทราบว่าในวันที่ 17 พ.ย.จะมีการลักลอบขนกัญชาไปส่งให้ลูกค้า โดยใช้รถยนต์ในการขนลำเลียงและคุ้มกัน จึงได้วางแผนจับกุมโดยวิธีวางกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ ระหว่างเฝ้าสังเกตการณ์ พบรถยนต์ทะเบียน 1 ฒห6312 กรุงเทพฯ ขับไปตามถนนสระบุรี-หล่มสัก มุงหน้าจ.สระบุรี และพบรถยนต์ทะเบียน 2 ฒก720 กรุงเทพฯ วิ่งตามโดยมีรถยนต์ทะเบียน บม6075 สกลนคร วิ่งนำไป เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าตรวจค้น จากการตรวจค้นพบกัญชา จำนวน 875 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์โดยมีถุงแตงวางและถุงมันเทศทับข้างบนอยู่ จึงได้ทำการตรวจยึดไว้เป็นของกลาง

พ.ต.อ.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ รอง ผบก.ปส.2 เปิดเผยว่า สำหรับเครือข่ายของนายสมหมายนั้น เป็นเครือข่ายที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าติดตามมานานมีการทำงานเป็นครอบครัวแยกเป็นสาขาต่าง ๆ นอกจากนี้พบว่ามีการลักลอบทำมาเป็นระยะเวลาหลายปีแล้ว กัญชาดังกล่าวได้มีการลักลอบขนว่ามาจากประเทศลาวโดยอยู่ในราคากิโลกรัมละ 4,500 บาทต่อกิโลกรัมโดยได้ขนส่งผ่านทางจังหวัดนครพนมลงมายังจ.สงขลา เพื่อส่งออกไปยังประเทศมาเลเชีย ซึ่งจะอยู่ที่ราคา 20,000 บาทต่อกิโลกรัม นอกจากนี้หากมีการส่งไปยังประเทศที่ 3 ก็จะมีการสกัดเป็นน้ำมันกัญชาซึ่งจะมีมูลค่าสูงมากถึงเลข 6 หลัก โดยเมื่อเสร็จสิ้นการขนส่งก็จะได้เงิน 100,000 บาทต่อครั้งที่รับจ้างในการขนนาเสพติด

ด้านพล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ เปิดเผยว่า การขนกัญชาเข้ามาภายในประเทศไทยนั้นไม่ได้เป็นการเตรียมการที่จะมีกฎหมายเรื่องของการปลดล็อกกัญชาอย่างแน่นอนเนื่องจากการปลดล็อกกัญชานั้นจะใช้กับกัญชาที่เป็นเกรดเฉพาะทางการแพทย์เท่านั้น อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ต้องการตรวจสอบอย่างละเอียดจนกว่าจะมีกฎหมายที่ชัดเจน

ภาพจาก http://policenews.co.th