posttoday

"เจ๊ดา" นอนคุก ไร้ญาติยื่นประกัน คดีจ้างสาดพริกป่น

17 พฤศจิกายน 2561

ศาลอาญา อนุญาตฝากขัง 12 วัน "เจ๊ดา" หลัง ตำรวจบางซื่อ คุมตัวส่งคดีร่วมกันพยายามชิงทรัพย์ สาดพริกป่นผสมน้ำใส่สาวขี่เบนซ์ ไร้ญาติยื่นประกัน พบเคยถูกดำเนินคดีละเมิดอำนาจศาล

ศาลอาญา อนุญาตฝากขัง 12 วัน "เจ๊ดา" หลัง ตำรวจบางซื่อ คุมตัวส่งคดีร่วมกันพยายามชิงทรัพย์ สาดพริกป่นผสมน้ำใส่สาวขี่เบนซ์ ไร้ญาติยื่นประกัน พบเคยถูกดำเนินคดีละเมิดอำนาจศาล
  
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 17 พ.ย. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ร.ต.อ.สุทัศน์ แก้วสมศรี  พนักงานสอบสวน สน. บางซื่อ ได้ควบคุมตัว น.ส.แสงอรุณ ประทุมพวง หรือเจ๊ดา อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 600/121 ซ.พหลโยธิน 54/1 แยก6-1 แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม.  ผู้ต้องหาคดีร่วมกันพยายามชิงทรัพย์ สาดน้ำพริกป่นใส่สาวขับรถเบนซ์ มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 17 - 28 พ.ย.นี้ เนื่องจากต้องสอบปากคำพยานบุคคลอีก 4 ปาก และรอผลตรวจสอบประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหาประกอบสำนวน โดยท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวน ระบุด้วยว่า หากผู้ต้องหายื่นคำร้องขอประกันตัวให้อยู่ในดุลพินิจของศาล

โดยคำร้องฝากขัง ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 1 พ.ย.61 เวลา 20.30 น. ขณะที่ น.ส.วาสนา เวสารัชเวศย์ อายุ 48 ปี ผู้เสียหายขับรถยนต์เบนซ์ ซี 250 สีขาว แบบสปอร์ต ทะเบียน 5 กฮ 6804 กรุงเทพมหานคร มาตามถนนกำแพงเพชร เมื่อมาถึงแยกด่วนโรงปูนหรือหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ถนนกำแพงเพชร แขวงและเขตจตุจักร กทม. ได้หยุดรถรอสัญญาณไฟปรากฏว่า น.ส.นิภาพร สมุทรคีรี ผู้ต้องหา (ที่ศาลอาญาอนุญาตฝากขังไปแล้ว) ได้ขี่รถจยย. ยี่ห้อฮอนด้า สกูปปี้ ไอ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาจอดด้านซ้ายแล้วเคาะกระจกรถฝั่งด้านซ้ายคนขับ ทำทีเหมือนจะสอบถามเส้นทาง เมื่อผู้เสียหายลดกระจกลง ทันใดนั้น น.ส.นิภาพร ได้สาดน้ำพริกป่นใส่ใบหน้าจนตาทั้งสองข้างได้รับบาดเจ็บ ประกอบกับในกระเป๋ามีเงินสดจำนวน 800,000 บาท กำไลเพชร มูลค่า 65,000 บาท ซึ่งวางไว้ที่บนเบาะด้านซ้าย เชื่อว่า น.ส.นิภาพร จะลักเอาทรัพย์สินจึงรีบขับรถขึ้นทางด่วน ไปรักษาอาการบาดเจ็บ แล้วเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสน.บางซื่อ ดำเนินคดี

ต่อมาจากการสืบสวนทราบว่ามี นายอณิรุฒ วัฒนา พยานยืนยันว่า น.ส.นิภาพรได้รับการว่าจ้าง จากน.ส.แสงอรุณ หรือเจ๊ดา ผู้ต้องหา ให้นำน้ำพริกมาสาดใส่หน้าผู้เสียหาย และให้ชิงเอาทรัพย์สินภายในรถผู้เสียหายมาให้ผู้ต้องหา

ทั้งนี้ก่อนเกิดเหตุ น.ส.นิภาพร ได้มาชักชวนตนให้ร่วมก่อเหตุด้วย แต่ตนไม่ยินยอมเข้าร่วมกระทำผิด โดยหลังก่อเหตุ น.ส.นิภาพร ได้โทรศัพท์มาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ตนฟัง พร้อมกับแจ้งว่า ไม่ได้รับเงินค่าจ้าง และเพื่อความบริสุทธิ์ใจ ตนจึงเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อไว้เป็นพยานแล้ว

ต่อมาวันที่ 16 พ.ย.เวลา23.00 น. น.ส.แสงอรุณ หรือเจ๊ดา ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ซึ่งแจ้งข้อหา ร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1) ,339 วรรคสอง 340 ตรี 80,83  ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ
     
โดยศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่ค้ดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้

ภายหลังการฝากขังแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ไม่ปรากฏว่า มีญาติผู้ต้องหา มายื่นคำร้อง พร้อมหลักทรัพย์ขอประกันตัวเจ๊ดาแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงควบคุมตัว "เจ๊ดา" ไปคุมขังไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ช่วงระยะฝากขัง 12 วันนี้
         
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับ น.ส.แสงอรุณ ประทุมพวง หรือ เจ๊ดา นั้น เคยขึ้นทะเบียนเป็นนายประกันที่ศาลอาญา ซึ่งปี 2560 ถูกดำเนินคดีฐานละเมิดอำนาจศาล แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบในบริเวณศาลอาญา ที่ศาลตัดสินแล้วเป็นคดีหมายเลขแดง ล.5/2560 กรณีเมื่อเดือน พ.ค.2560 เจ๊ดา ได้ให้บุตรของผู้ต้องหาคดีหนึ่งมาพบที่โรงอาหารศาลอาญาและให้จ่ายค่าเบี้ยประกันเพื่อซื้อกรมธรรม์กับบริษัทประกันภัย จำนวน 50,000 บาท แต่เมื่อตรวจสอบกับผู้รับมอบอำนาจของบริษัทประกันภัย จนทราบว่าไม่มีเงินวางค่าเบี้ยประกัน บริษัทจึงไม่สามารถรับทำประกันในคดีนั้นได้ ต่อมาบุตรของผู้ต้องหาคดีดังกล่าวได้ติดต่อขอเงินคืน และได้รับเงินคืนมา 48,000 บาท โดยเจ๊ดาอ้างว่า ได้หักเงินบางส่วนเป็นค่าดำเนินการ 

ซึ่งศาลอาญาได้ดำเนินการไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาลดังกล่าว และมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 17 ก.ค.60 โดยสั่งปรับ เจ๊ดา 500 บาท และห้ามเข้าบริเวณศาลอาญาเป็นเวลา 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค.2560 -17 ก.ค.2562 ด้วย

ภาพ สำนักข่าวไทย