โลงศพกับน้ำตา
มีใครอยากไปนั่งหัวเราะในงานศพไหมครับ?
โดย ปริทัศน์ กองเพียร ภาพ : ชนัตถ์ กตัญญู
มีใครอยากไปนั่งหัวเราะในงานศพไหมครับ?
แน่นอนว่า คงไม่มี หรือถ้ามีคนคนนั้นก็ต้องน่ากลัวมากๆ
บรรยากาศในงานศพไม่ใช่เรื่องน่าพิสมัยอะไรเท่าไหร่นัก น้อยคนที่อยากจะไปรวมรุ่นกันในงานศพเพื่อนคนใดคนหนึ่ง หรือไปเจอญาติแบบครบตระกูลก็งานศพคนร่วมนามสกุล
ไอ้ตอนไปร่วมงานนี่ก็ยังพอมีอารมณ์สำนึกอยู่บ้าง แต่ถ้าใครต้องไปนอนในโลงศพให้เพื่อนให้ญาติมากราบไหว้นั่งฟังพระสวดก็คงไม่ดีแน่
เรื่องของ “ความตาย” เป็นเรื่องที่ต้องเรียกว่า “ความจริง” ที่สุดในโลก เพราะไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่หลีกลี้หนีพ้นความตายไปได้เลย
ในเมื่อความตายเป็นความจริงแท้แน่นอน แล้วเราจะมีแง่มุมอะไรที่จะพูดถึง?
มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่อยากตายหรอกครับ คนที่อยากตายส่วนใหญ่ประสบกับความทุกข์ทรมาน และไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่รุมเร้าได้ บางส่วนเกิดจากความอ่อนไหวอ่อนแอ บางส่วนเกิดจากโรคภัยไข้เจ็บ
แต่สุดท้ายแล้วก็คือเรื่องของความต้องการที่จะ “หนี” ไปจากสิ่งตัวเองรู้สึกว่าที่สุดจะทนรับได้นั่นเอง
มุมมองหนึ่งในวัยที่ผ่านโลกมาไม่น้อย ผมมองว่า เราสามารถชะลอวันที่จะเดินไปนอนในโลงได้ด้วยตัวเอง แต่คนส่วนใหญ่ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้
นอกจากอุบัติเหตุหรือการเสียชีวิตแบบปัจจุบันทันด่วนแล้ว เรื่องโรคภัยก็คือสาเหตุการตายที่เราพบเห็นกันอยู่เรื่อยๆ และนับเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวที่สุด
ในยุคสมัยที่มีโรคใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย อย่าไปคิดแต่กับโรคภัยเดิมๆ อย่าง เอดส์ มะเร็ง โรคหัวใจ เบาหวาน ความดัน ฯลฯ เพราะมันมีเชื้อโรคใหม่ๆ แพร่กระจายอยู่ในประเทศเรามากขึ้น เราไม่อาจรู้ได้เลยว่าตัวเราเองจะอยู่รอดปลอดภัยจากบรรดาเชื้อโรคที่ดักรออยู่กลาดเกลื่อนหรือไม่
ทั้งนี้และทั้งนั้น จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขก็แจ่มชัดอยู่แล้วว่า เชื้อโรคใหม่ๆ ส่วนใหญ่เกาะติดมากับชาวต่างชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศโซนเออีซี
พ.ศ.นี้ เราเริ่มได้เคยได้ยินโรคริดสีดวงที่เส้นเสียง หรือวัณโรคที่หน้าแข้ง กับอะไรๆ ที่แปลกพิสดารอีกมากมายนัก ดังนั้นจึงไม่ควรดำรงชีวิตอยู่ด้วยความประมาทด้วยประการทั้งปวง
ทุกคนรู้หมดนะครับว่าการออกกำลังกายทำให้ร่างกายแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ แต่คนส่วนใหญ่ทำเป็นเมิน หรือมองผ่านมองข้ามไปด้วยเหตุผลต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็น เวลาไม่มี อุปกรณ์ไม่พร้อม ถ้าต้องออกกำลังกายเอาเวลาไปทำงานดีกว่า
ทั้งๆ ที่การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้ร่างกายเรานั้นใช้เวลาน้อยมาก แถมยังไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพราะสามารถทำได้ตลอดเวลา และกินเวลาเพียงแค่วันละครึ่งชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นการเดินอย่างต่อเนื่อง การยืนแกว่งแขนอยู่กับที่ หรือการซิทอัพ
ผมเองไม่สามารถไปบังคับให้ใครลุกขึ้นมาออกกำลังกายได้ แค่อยากให้คุณลองอ่านข้อมูลต่อจากนี้ดูว่า ค่ารักษาพยาบาลสำหรับการรักษาโรคมาตรฐานที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนมันมากมายแค่ไหน
หัวใจ
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายครั้งแรกจากการขาดเลือด 553,382 บาท
- ผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ (By Pass) 1,204,156 บาท
- โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน 185,473 บาท
- โรคหัวใจ 38,712 บาท
สมอง
- ความบกพร่องทางระบบประสาทอันเกิดจากความผิดปกติของหลอดเลือด (Stroke) 1,016,521 บาท
- การผ่าตัดสมองหลอดเลือดสมองโป่งพอง 608,055 บาท
- ความดันโลหิตสูง 7,926 บาท
มะเร็ง
- มะเร็งระยะลุกลาม 920,886 บาท
- ผ่าตัดเนื้องอกที่รังไข่โดยส่องกล้อง 202,591 บาท
- ฉายรังสีมะเร็งปอด 207,600 บาท
อื่นๆ
- ข้อเข่าเสื่อมและการผ่าตัดข้อเข่า 267,310 บาท
- เบาหวาน เฉียด 10,217 บาท (ต่อเดือน)
- โรคหวัด 1,605 บาท
และคุณลองคิดเอาเองว่า มีความพร้อมในการจ่ายค่ารักษาพยาบาลตัวเองในอนาคต หรืออยากจะเป็นภาระให้กับคนที่คุณรักตราบจนวันสุดท้ายที่ต้องไปร้องไห้ต่อหน้าโลงศพของคุณ