posttoday

สาวสาดพริกป่นใส่เบนซ์มีหลักทรัพย์ไม่พอประกันตัวต้องนอนคุก

16 พฤศจิกายน 2561

ตำรวจฝากขังสาวสาดพริกป่นใส่เบนซ์มีหลักทรัพย์ไม่พอประกันต้องนอนคุก เปิดปูมเจ๊ดามีประวัติคดีละเมิดอำนาจศาลห้ามเข้าเขตศาลอาญานาน2ปี

ตำรวจฝากขังสาวสาดพริกป่นใส่เบนซ์มีหลักทรัพย์ไม่พอประกันต้องนอนคุก เปิดปูมเจ๊ดามีประวัติคดีละเมิดอำนาจศาลห้ามเข้าเขตศาลอาญานาน2ปี

 
เมื่อวันที่ 16 พ.ย.61 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ร.ต.อ.สุทัศน์ แก้วสมศรี พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ได้ควบคุมตัว “น.ส.นิภาพร สมุทรคีรี” อายุ 34 ปี ภูมิลำเนา จ.ราชบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลที่ 807/2561 ลงวันที่ 12 พ.ย.61 คดีทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้อันตรายแก่กายหรือจิตใจ ที่ได้สาดพริกป่นผสมน้ำใส่หญิงขับรถเบนซ์และพยายามชิงทรัพย์ มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 16- 27 พ.ย.นี้ เนื่องจากต้องสอบปากคำพยานบุคคลอีก 4 ปาก และรอผลตรวจสอบประวัติต้องโทษของผู้ต้องหากับลายพิมพ์นิ้วมือ อีกทั้งยังต้องรอเสนอสำนวนการสอบสวนให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณา ทั้งนี้หากผู้ต้องหาจะยื่นขอประกันตัว พนักงานสอบสวนก็ไม่คัดค้าน

โดย “ศาล” พิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้

ซึ่งภายหลังการฝากขัง ปรากฏว่า แฟนหนุ่มของผู้ต้องหา เตรียมเงินสดมา 40,000 บาทเพื่อจะยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว แต่ปรากฏหลักทรัพย์ดังกล่าวไม่เพียงพอ กับวงเงินประกันในความผิดฐานร่วมกันพยายามชิงทรัพย์ฯที่ศาลกำหนดวงเงินไว้ 1 แสนกว่าบาท ดังนั้นในวันนี้จึงไม่ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว เมื่อสิ้นสุดเวลาราชการศาล เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จึงได้ควบคุม “น.ส.นิภาพร” ผู้ต้องหา ไปคุมขังยังทัณฑสถานหญิงกลาง

สำหรับคำร้องฝากขัง ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 1 พ.ย.61 เวลา 20.30 น. ขณะที่ “น.ส.วาสนา เวสารัชเวศย์” อายุ 48 ปี ผู้เสียหาย ขับรถเบนซ์  ซี 250 สีขาว แบบสปอร์ต ทะเบียน 5 กฮ 6804 กรุงเทพมหานคร มาตาม ถ.กำแพงเพชร จากทางด้านแยกสะพานดำ มาถึงบริเวณแยกด่วนโรงปูนหรือหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ถ.กำแพงเพชร แขวงและเขตจตุจักร กทม. ผู้เสียหายหยุดรถรอสัญญาณไฟจราจรอยู่ในช่องทางที่ 3 ติดเกาะกลางถนนอยู่นั้น  ปรากฏว่า “น.ส.นิภาพร” ผู้ต้องหา ที่ขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า สกูปปี้ ไอ ( Scoopy i) ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ตามหลังมาคนเดียวได้มาจอดข้างซ้ายของรถผู้เสียหาย แล้วเคาะกระจกประตูรถฝั่งด้านซ้ายคนขับ ทำทีเหมือนจะสอบถามเส้นทาง ซึ่งผู้เสียหายเข้าใจว่าผู้ต้องหาจะสอบถามเส้นทาง จึงลดกระจกลง ทันใดนั้นผู้ต้องหาได้สาดน้ำพริกป่นที่เตรียมมาใส่หน้า จนเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บที่ตาทั้งสองข้าง ประกอบกับในกระเป๋ามีเงินสดจำนวน 800,000 บาท กำไลเพชร 65,000 บาท ซึ่งวางไว้ที่เบาะนั่งด้านซ้ายข้างคนขับเชื่อว่าผู้ต้องหาจะลักเอาทรัพย์สินดังกล่าวและกลัวว่าจะถูกทำร้าย จึงรีบขับรถขึ้นทางด่วนและไปรักษาอาการบาดเจ็บ ซึ่งหลังจากรักษาอาการบาดเจ็บแล้วจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน

ต่อมาจากการสืบสวน ทราบว่า ผู้ต้องหาได้รับการว่าจ้างจาก “เจ๊ดา” ให้นำน้ำพริกมาสาดใส่หน้าผู้เสียหาย จากนั้นให้ลักเอาทรัพย์สินภายในรถผู้เสียหาย แต่ปรากฏว่าหลังจากผู้ต้องหาสาดพริกแล้วกลับไม่ได้รับค่าจ้าง กระทั่งวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 23.00 น. ตำรวจชุดจับกุมไปที่ สน.วัดพระยาไกร หลังจากผู้ต้องหามีความประสงค์จะเข้ามอบตัว ซึ่งได้แสดงหมายจับแล้วผู้ต้องหารับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อกล่าวหาวทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และจากการสอบสวนพบว่าผู้ต้องหาได้แบ่งหน้าที่กันทำด้วยโดยผู้ต้องหา รับว่าเป็นคนสาดพริกป่นใส่น้ำ ใส่หน้าผู้เสียหาย ส่วนทรัพย์สินกระเป๋าของผู้เสียหายนั้น ผู้ต้องหาให้การว่าเจ๊ดาเป็นคนบอกว่าให้เอากระเป๋าเอง แต่เรื่องทรัพย์สินนั้นการกระทำของผู้ต้องหากับพวกไม่ได้ทรัพย์สินไป ในชั้นสอบสวนจึงได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมในความผิดฐานร่วมกันพยายามชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์ไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (1) , 339 วรรคสอง , 340 ตรี ประกอบมาตรา 83 , 80 โดยชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

สำหรับบุคคลที่ น.ส.นิภาพร ผู้ต้องหาคดีนี้ให้การซัดทอดว่าเป็นผู้ว่าจ้างที่เรียกว่า “เจ๊ดา” ทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ทราบว่าชื่อ น.ส.แสงอรุณ ประทุมพวง นั้น ปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวเคยขึ้นทะเบียนเป็นนายประกันในศาลอาญา ซึ่งต่อมาถูกดำเนินคดีละเมิดอำนาจศาล (แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบในบริเวณศาล) ของศาลอาญา เมื่อปี 2560 เป็นคดีหมายเลขแดง ล.5/2560 โดยถูกกล่าวหาว่าในเดือน พ.ค.60 คนที่ชื่อ “ดา”ได้ให้บุตรของผู้ต้องหาคดีหนึ่งมาพบที่โรงอาหารศาลอาญาและให้จ่ายค่าเบี้ยประกันเพื่อซื้อกรมธรรม์กับบริษัทประกันภัย จำนวน 50,000 บาท แต่เมื่อมีการตรวจสอบกับผู้รับมอบอำนาจของบริษัทประกันภัย จึงทราบว่าไม่มีเงินวางค่าเบี้ยประกัน บริษัทจึงไม่สามารถรับทำประกันในคดีนั้นได้

ต่อมาบุตรของผู้ต้องหาคดีดังกล่าวได้ติดต่อจนเจอกับคนที่ชื่อดา และได้รับเงินคืน 48,000 บาท แต่คนที่ชื่อดาอ้างว่า ได้หักเงินบางส่วนเป็นค่าดำเนินการ ซึ่งศาลอาญาได้ดำเนินการไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาลดังกล่าวที่มี ผอ.สำนักอำนวยการประจำศาลอาญาเป็นผู้กล่าวหา ซึ่งศาลมีคำตัดสินเมื่อวันที่ 17 ก.ค.60 สั่งปรับผู้ถูกกล่าวหาเป็นเงิน 500 บาท และห้ามเข้าบริเวณศาลอาญาอีกเป็นเวลา 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค.60-17 ก.ค.62