posttoday

หมวดเจี๊ยบ ชี้เปลี่ยนระบบเกณฑ์ทหารเป็นสมัครใจดีต่อทุกฝ่าย

04 พฤศจิกายน 2561

ร.ท.หญิงสุณิสา ชี้การเปลี่ยนระบบเกณฑ์ทหารเป็นสมัครใจขึ้นอยู่ พล.อ.ประยุทธ์-เหล่าทัพ ชี้จะเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย

ร.ท.หญิงสุณิสา ชี้การเปลี่ยนระบบเกณฑ์ทหารเป็นสมัครใจขึ้นอยู่ พล.อ.ประยุทธ์-เหล่าทัพ ชี้จะเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย

เมื่อวันที่ 4 พ.ย.  ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง หรือ หมวดเจี๊ยบ โพสต์เฟซบุ๊กถึงเสียงเรียกร้องให้การยกเลิกเกณฑ์ทหาร ให้เปลี่ยนมาใช้ระบบสมัครใจ ว่า จะเกิดได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับความจริงใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และผู้นำเหล่าทัพ ว่าจะเตะถ่วงการปฏิรูปกองทัพหรือไม่ ลำพังแค่ผู้บัญชาการทหารบกคนเดียว คงไม่สามารถไปเปลี่ยนหลักเกณฑ์ตรงนี้ได้ แต่โดยหลักการแล้วการลดขนาดกองทัพและการยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหารเป็นสิ่งที่ทำได้ และกองทัพเคยทำมาแล้วถึงสองครั้งในอดีตเมื่อราวๆปี 2530 และ 2542 และทุกปีจะมีคนสมัครใจประมาณ 4-5 หมื่นคน

อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนระบบการเกณฑ์ทหาร ไม่สามารถเกิดขึ้นอย่างเดียวโดดๆได้ แต่ต้องมีการปฏิรูปกองทัพในทุกๆด้านควบคู่กันไปด้วย จะเห็นได้ว่าข้อเสนอให้ยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหารในแคมเปญพลิกลายพราง เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการปฏิรูปโครงสร้างและการปรับภารกิจของกองทัพในภาพรวมให้มีขนาดเล็ก แต่มีขีดความสามารถสูงเหมาะสมกับภารกิจสมัยใหม่ และเลิกแทรกแซงการเมืองรวมทั้งเลิกคิดเรื่องปฏิวัติ ซึ่งเป็นไปตามแผนบันได 4 ขั้น ของแคมเปญพลิกลายพรางเพื่อปฏิรูปกองทัพ

ทั้งนี้ กองทัพน่าจะยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหารตั้งแต่เดือน เม.ย.2562 เสียเลย เพราะยังทำทันขึ้นอยู่กับความจริงใจของ พล.อ.ประยุทธ์ และผู้นำเหล่าทัพว่าจะทำหรือไม่ ส่วนจำนวนทหารเกณฑ์ในแต่ละปีควรจะมีตัวเลขเท่าไหร่ ควรปล่อยให้กองทัพพิจารณาเอง โดยก็คงไม่ต้องเกณฑ์ทหารถึง 1 แสนกว่าคนต่อปีอย่างทุกวันนี้ เพราะจำนวนทหารเกณฑ์ก็ต้องลดลงให้สอดคล้องกับโครงสร้างของกองทัพด้วย

ร.ท.หญิงสุณิสา ระบุอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.อภิรัชต์ ควรทำความเข้าใจเสียใหม่ว่าข้อเสนอปฏิรูปกองทัพในแคมเปญพลิกลายพราง ไม่ได้เสนอให้ยุบกองทัพทิ้ง และไม่ได้บอกให้ยกเลิกการเกณฑ์ทหารโดยสิ้นเชิง แต่เรียกร้องให้เปลี่ยนรูปแบบการเกณฑ์ทหาร โดยควรยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหาร แล้วเปลี่ยนไปใช้ระบบสมัครใจแทน

ส่วนข้ออ้างที่ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.อภิรัชต์ มักพูดเสมอว่าจะทำให้กองทัพอ่อนแอ เป็นเพียงคำแก้ตัวเพราะไม่อยากเปลี่ยนแปลงเพราะกลัวเสียอภิสิทธิ์ต่างๆ พร้อมขอว่าอย่าดิสเครดิตว่าข้อเสนอปฏิรูปกองทัพเป็นเรื่องการเมือง แต่นี่เป็นเรื่องของการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของกองทัพซึ่งจะเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย