posttoday

เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าขออย่าด่วนสรุปเป็นต้นเหตุทำเด็กติดบุหรี่มวน

30 ตุลาคม 2561

เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าขออย่าด่วนสรุปเป็นต้นเหตุทำเด็กติดบุหรี่มวนเผยก.พาณิชย์เชิญร่วมให้ความเห็น31ต.ค.นี้

เครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าขออย่าด่วนสรุปเป็นต้นเหตุทำเด็กติดบุหรี่มวนเผยก.พาณิชย์เชิญร่วมให้ความเห็น31ต.ค.นี้

นายอาสา ศาลิคุปต ตัวแทนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า “กลุ่มลาขาดควันยาสูบ (ECST)” และเฟซบุ๊กเพจ “บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร” เผยว่า “จากคู่มือพื้นฐานด้านนโยบายการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ปี 2018 ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสาเหตุของการติดบุหรี่ในเด็กและเยาวชน จากผลสำรวจของ ศจย. ที่พบว่ามีเยาวชนใช้บุหรี่ไฟฟ้าถึง 30% ทั้งๆ ที่เป็นสินค้าที่ถูกแบนอยู่ เป็นเพราะว่าสามารถแอบหาซื้อได้ตามร้านใต้ดิน แสดงว่าการแบนไม่ใช่มาตรการการป้องกันเยาวชนที่เหมาะสมแต่อย่างใด สำนักงานสาธารณสุขอังกฤษ (Public Health England: PHE) ซึ่งสนับสนุนการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นทางเลือกเคยระบุว่า อัตราการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นประจำในกลุ่มเยาวชนที่ไม่สูบบุหรี่มีจำนวนน้อยมาก ในทางตรงกันข้ามอัตราผู้สูบบุหรี่อังกฤษลดลงต่ำสุดในรอบ 10ปี ที่ 15.1% โดยกว่า 1.7 ล้านคนใช้บุหรี่ไฟฟ้าในการช่วยเลิกบุหรี่มวน สอดคล้องกับดร. แบรด โรดู นักวิจัยอาวุโสจากสถาบันวิจัยมะเร็งเจมส์ เกรแฮม บราวน์ ชี้แจงการทดลองบุหรี่ไฟฟ้าของเยาวชนไม่ได้แปลว่าบุหรี่ไฟฟ้าทำให้เยาวชนหันมาติดบุหรี่”

ด้าน นายมาริษ กรันยวัฒน์ ตัวแทนเครือข่ายฯเผยว่า“ในคู่มือยังระบุด้วยว่าผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่ เช่น บุหรี่ไฟฟ้า ควรได้รับการควบคุมอย่างเหมาะสม โดยหน่วยงานสาธารณสุขจำเป็นต้องรวบรวมข้อมูล ศึกษาผลการวิจัย ข้อดีข้อเสียที่จะได้จากบุหรี่ไฟฟ้า จะได้ตัดสินใจวางมาตรการที่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ WHO แนะนำว่า การควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบใหม่ๆ พวกนี้ทำได้หลายแนวทางขึ้นกับความอันตรายและความเป็นพิษของผลิตภัณฑ์ บุหรี่ไฟฟ้ามีผลการศึกษายืนยันว่าปลอดภัยกว่าบุหรี่มวน รัฐบาลก็ไม่ควรแบน แต่นำมาควบคุมภายใต้ พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับล่าสุดได้ เช่น ห้ามการโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้า ห้ามการซื้อขายออนไลน์ หรือกำหนดอายุขั้นต่ำของผู้ซื้อ เป็นต้น

“วันที่ 31 ต.ค. เครือข่ายฯได้รับเชิญให้ร่วมให้ความคิดเห็นเพื่อทบทวนมาตรการห้ามนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าร่วมกับกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ต้องขอบคุณภาครัฐที่ให้ความสำคัญกับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และรับฟังเสียงจากภาคประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้ากว่า 3 แสนคนในประเทศที่ไม่อยากถูกบังคับให้กลับไปใช้บุหรี่ซึ่งอันตรายต่อสุขภาพมากกว่า” นายมาริษ กล่าว