posttoday

"วิชัย ศรีวัฒนประภา" เจ้าสัวผู้ทำให้โลกประจักษ์ใน"พลังคนไทย"

28 ตุลาคม 2561

ย้อนประวัติและเส้นทางชีวิตของ "วิชัย ศรีวัฒนประภา" อภิมหาเศรษฐีผู้ทำให้โลกได้ประจักษ์กับ "พลังของคนไทย"

ย้อนประวัติและเส้นทางชีวิตของ "วิชัย ศรีวัฒนประภา" อภิมหาเศรษฐีผู้ทำให้โลกได้ประจักษ์กับ "พลังของคนไทย"

************************************

โดย...โพสต์ทูเดย์ออนไลน์

เมื่อครั้งทึ่ "วิชัย ศรีวัฒนประภา" เจ้าของอาณาจักรธุรกิจกลุ่มคิง เพาเวอร์ตัดสินใจทุ่มเงิน 5,000 ล้านบาทเข้าซื้อกิจการสโมสร "เลสเตอร์ ซิตี้" เมื่อปี 2553 นั้น

เขาเคยให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลหลักๆในการทุ่มเงินก้อนใหญ่ในครั้งนี้ไว้ 2 เรื่อง

หนึ่ง เขาเป็นคนชื่นชอบกีฬา

สอง เขาต้องการให้ชาวโลกรู้จักชื่อประเทศไทยมากขึ้น

เหตุผลข้อแรกถูกตอกย้ำอย่างชัดเจนในปี 2559 เมื่อ "วิชัย" และลูกชายหัวแก้วหัวแหวน "อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา" ร่วมกันพา "เลสเตอร์" สร้างประวัติศาสตร์บทใหม่ด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอังกฤษไปครองได้สำเร็จ และถือเป็นแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรมา 132 ปี

ความสำเร็จครั้งนั้นสะท้อนชัดถึงความรักในกีฬา และ การมุ่งมั่นที่จะปลุกปั้นทีมเล็กๆให้ก้าวไปสู่ความยิ่งใหญ่

"วิชัย ศรีวัฒนประภา" เจ้าสัวผู้ทำให้โลกประจักษ์ใน"พลังคนไทย"

นอกจากผลงานอันน่าอัศจรรย์ด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกแล้ว วันนี้อาจเรียกได้ว่า "เลสเตอร์" คือหนึ่งในประตูที่ทำให้ชาวต่างชาติได้รู้จักประเทศไทย

เรื่องนี้พิสูจน์ได้ไม่ยาก....

หากคุณได้มีโอกาสเดินทางไปเมืองเลสเตอร์ แล้วบอกว่ามาจากประเทศไทย ผู้คนที่นั่นจะยิ้มแย้มทักทายคุณด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความชื่นชม พวกเขาหลงรักประเทศไทยและพลังของคนไทยที่มาช่วยพลิกฟื้นสโมสรฟุตบอลในบ้านเกิดของเขาให้ก้าวไปสู่ความรุ่งเรือง

หรือแม้แต่ในเมืองอื่นๆชาวอังกฤษหรือแม้แต่แฟนบอลในชาติอื่นๆ ต่างก็รู้จักชื่อของประเทศไทย

วิชัยเคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร ฟอร์บส์ ไทยแลนด์ว่า "สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเทพนิยายที่สื่อต่างๆทั่วโลกอยากนำมาเล่า เพราะฉะนั้นก็เป็นการประชาสัมพันธ์ ไม่ใช่แค่คิงเพาเวอร์ แต่เป็นการประชาสัมพันธ์ประเทศไทยไปโดยอัตโนมัติ"

นี่คือเหตุผลข้อสองของ วิชัย ในการซื้อสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ที่บรรลุผลไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

"วิชัย ศรีวัฒนประภา" เจ้าสัวผู้ทำให้โลกประจักษ์ใน"พลังคนไทย"

เส้นทางชีวิต

วิชัย เกิดวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2501 เป็นบุตรของนายวิวัฒน์ รักศรีอักษร กับนางประภาศร รักศรีอักษร จบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมศึกษาวูดลอว์น สหรัฐอเมริกา และศิลปศาสตรบัณฑิต สาขารัฐศาสตร์ จาก มหาวิทยาลัยรามคำแหง และคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยนอร์ททอร์ป สหรัฐอเมริกา ชีวิตครอบครัว สมรสกับนางเอมอร รักศรีอักษร มีบุตรทั้งหมด 4 คน เป็นชาย 2 คน และ หญิง 2 คน

เขามีความใกล้ชิดกับราชวงศ์อังกฤษผ่านความชื่นชอบกีฬาโปโล ในปี พ.ศ. 2548 เขากับเจ้าชายชาลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์, เจ้าชายวิลเลียมแห่งเวลส์ และ อัลดองโฟ แคมเปียโซ (มือหนึ่งโปโลชาวอาร์เจนตินา) จัดทีมออกแข่งขันในรายการ จักรวรรดิคัพ ระหว่างทีมประเทศไทยกับทีมดูไบ ที่ริชมอนด์ในลอนดอน

เส้นทางในโลกธุรกิจ วิชัย เคยทำงานด้านธุรกิจต่าง ๆ มาเป็นจำนวนมาก ทั้งกิจการของตัวเองและร่วมบริหาร เช่น บริษัทศรีอักษร (1980) จำกัด, กรรมการบริษัทไทยนิชิกาวา อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูโรป้าปริ๊นซ์ จำกัด (มหาชน), กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดาวน์ทาวน์ ดี.เอฟ.เอส.(ไทยแลนด์) จำกัด, กรรมการบริษัท ยูโรป้าปริ๊นซ์ (ประเทศไทย) จำกัด นายกสมาคมขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทย เป็นต้น

ปัจจุบันเป็นประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ และมีสถานะทางสังคมเป็น นายกสมาคมขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทย

"วิชัย ศรีวัฒนประภา" เจ้าสัวผู้ทำให้โลกประจักษ์ใน"พลังคนไทย"

เจ้าของสโมสรฟุตบอลที่ไม่มีผู้ใดเหมือน

8 ปีหลังจาก วิชัย เข้าซื้อสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ แฟนบอลของจิ้งจอกสีน้ำเงินต่างยกย่องให้เขาเป็น "เจ้าของสโมสรที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรมา"

เหตุผลของคำยกย่องนี้อธิบายได้ไม่ยากจากคำกล่าวของ "สเวน-โกรัน อิริกส์สัน" อดีตผู้จัดการทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ที่กล่าวถึง วิชัย ว่า "ผมรู้จักทั้งครอบครัวของคุณวิชัย เมื่อคุณรู้จักพวกเขาเหมือนผม คุณก็จะพบว่าเขาเป็นคนที่ใจดีสุดๆ ทั้งกับนักเตะ ทีมงานและผู้คนที่ทำงานให้เขา กับแฟนๆ และชุมชน เขาเป็นคนที่มีน้ำใจเป็นที่สุด"

"ไม่เพียงเขาใจกว้างต่อแฟน ๆ และชุมชน เขายังใจป้ำกับนักเตะ นอกจากจ่ายเงินเดือนให้แล้ว เวลาไปช็อปปิ้งในลอนดอน เขายังออกเงินซื้อเสื้อนอกให้พวกเราด้วย"

ความเอื้อเฟื้อของ วิชัย ต่อแฟนบอลนั้นสะท้อนได้จากหลายๆเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองเลสเตอร์ อาทิ แฟนบอลได้ดื่มเบียร์ฟรีในแมตช์การแข่งขันระหว่างเลสเตอร์กับนิวคาสเซิลเมื่อเดือนเม.ย. เนื่องในโอกาสวันครบรอบวันเกิดของ วิชัย, การตรึงราคาตั๋วเข้าชมการแข่งขัน, การบริจาคเงิน 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างโรงพยาบาลเด็กให้กับเมืองเลสเตอร์ ฯลฯ

"วิชัย ศรีวัฒนประภา" เจ้าสัวผู้ทำให้โลกประจักษ์ใน"พลังคนไทย"

ความสัมพันธ์กับแฟนบอลที่ก้าวข้ามเวลา90นาทีของการแข่งขัน

แฟนบอลสำคัญมากแค่ไหนในสายตาของ วิชัย นั้น เขาเคยตอบเอาไว้ชัดระหว่างให้สัมภาษณ์กับเดลินิวส์ว่า "เราต้องการที่จะเเสดงให้เเฟนบอลเห็นว่า พวกเขามีคุณค่าต่อเรามากเเค่ไหน เราอยากที่จะปฎิบัติต่อเเฟนบอลเหมือนครอบครัวเเละเราจะฉลองความสำเร็จไปด้วยกัน"

"ผมคิดว่าผู้คนเห็นในสิ่งเหล่านี้ที่เขาอาจไม่เคยได้เห็นมาก่อน เรามีความภูมิใจในสิ่งเหล่านี้ ความสัมพันธ์กับเเฟนบอลของเราซึ่งทำให้เราเเตกต่างจากสโมสรอื่น ๆ ถ้าสิ่งนี้จะส่งผลต่อไปยังทีมอื่น ๆ เเน่นอนผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีต่อวงการ"

"สิ่งเหล่านี้มีความหมายมากกว่าการได้รับเค้กวันเกิดฟรี, เครื่องดื่มฟรี หรือธงในสนาม เราทำเพื่อให้แฟนบอลทุกคนรู้สึกมีส่วนร่วมเเละเเสดงให้พวกเขาเห็นว่าพวกเขาเป็นส่วนสำคัญของสโมสร"

เรามีความสัมพันธ์ที่ก้าวข้ามเวลาเก้าสิบนาทีของการแข่งขันฟุตบอล เมื่อเราฉลองช่วงเวลาที่ดีด้วยกัน เราจะสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และพร้อมจะทำให้เราสามารถผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ที่เราอาจต้องเผชิญกับความท้าทายในอนาคตด้วยกัน"

"คิง ออฟ ดิวตี้ฟรี" กับดีลล่าสุดทุ่มหมื่นล้านซื้อตึกสูงที่สุดในประเทศไทย

วิชัยเคยเล่าว่า ธุรกิจยุคแรกๆ ของครอบครัวเกี่ยวข้องกับการพิมพ์ตัวอักษร ดังนั้นจึงใช้นามสกุลรักศรีอักษร หลังจากนั้นก็ขยายไปสู่ธุรกิจการค้า

เขาเริ่มก่อตั้งคิง เพาเวอร์ ในปี2532 และกลายเป็นเสือติดปีกในปี2549 เมื่อ คิง เพาเวอร์ชนะการประมูลเข้าให้บริการร้านค้าปลอดภาษีในสนามบิน และเป็นธุรกิจร้านค้าปลอดภาษีและอากรรายใหญ่ของประเทศมานับตั้งแต่นั้น

ล่าสุดในเดือนเม.ย.2561 เขาได้สร้างดีลสำคัญที่กระหึ่มวงการธุรกิจด้วยการทุ่มเงินกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท ซื้อโครงการมหานครในส่วนของโรงแรม จุดชมวิว และอาคารร้านค้า จาก บริษัทเพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น พร้อมเปลี่ยนชื่อตึกที่สูงที่สุดในประเทศไทยแห่งนี้เป็น "คิง เพาเวอร์มหานคร"

"วิชัย ศรีวัฒนประภา" เจ้าสัวผู้ทำให้โลกประจักษ์ใน"พลังคนไทย" วิชัย กับ อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา บุตรชาย ผู้ดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์

อภิมหาเศรษฐีลำดับที่ 5 ของไทย ผู้หลงใหลในพระเครื่อง

นิตยสารฟอร์บส์ จัดอันดับ ให้ วิชัย เป็นอภิมหาเศรษฐีลำดับที่ 5 ของประเทศไทยในปี 2561 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 1.62 แสนล้านบาท

ขณะที่สำนักข่าวอิศราเคยรายงานว่า วิชัย เป็นผู้นิยมสะสมพระเครื่องชื่อดังมูลค่าสูงคนหนึ่งในประเทศไทย ถึงขนาดสามารถเปิดเป็น พิพิธภัณฑ์ "วีอาร์ คิง เพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ (วีอาร์ มิวเซียม)" ได้

โดยพระเครื่องที่ วิชัยเน้นสะสมเป็นพิเศษคือ "พระสมเด็จวัดระฆัง" ซึ่งเกือบทุกองค์ที่มีชื่อเสียงในประเทศ ล้วนมีชื่อวิชัยเป็นผู้เช่าแทบทั้งสิ้น

สำนักข่าวอิศรารายงานด้วยว่า พระสมเด็จวัดระฆัง ที่ วิชัย ครอบครองมีอยู่หลายพิมพ์ อาทิ พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่, พระสมเด็จวัดระฆังทรงเจดีย์, พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ องค์เกศสะบัด, พระสมเด็จ วัดระฆังพิมพ์ใหญ่ องค์แชมป์ ฯลฯ

มีการประเมินว่ามูลค่าพระเครื่องที่ วิชัย ครอบครองอยู่น่าจะสูงกว่า 500ล้านบาท

ส่งพลังคนไทยสู่สายตาชาวโลก

ในด้านของกิจกรรมเพื่อสังคมกลุ่มคิง เพาเวอร์ มีส่วนช่วยเหลือในหลายกิจกรรมมาอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดการช่วยเหลือที่เป็นที่รับรู้ของคนทั่วประเทศก็คือ การสนับสนุนโครงการก้าวคนละก้าวของ ตูน บอดี้สแลม เพื่อระดมเงินบริจาคช่วยเหลือ 11 โรงพยาบาล ซึ่งกลุ่มคิงเพาเวอร์ได้บริจาคเงินก้อนโต100 ล้านบาท ให้กับโครงการนี้

ขณะกิจกรรมสำคัญที่เชื่อมโยงกับสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ก็คือการเสริมสร้างพัฒนาการด้านกีฬาฟุตบอลให้กับเยาวชนไทย ตั้งแต่การเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านฟุตบอลจากสโมสรเลสเตอร์มาถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ ให้กับนักเตะเยาวชนไทยไปจนถึงการคัดเลือกเด็กไทยฝีเท้าดีไป เข้าร่วมโครงการ FOX HUNT โดยเยาวชนไทยที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับทุนการศึกษาและฝึกทักษะฟุตบอลที่สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษ

จากรุ่นแรกจนถึงรุ่นสามในปัจจุบัน เด็กๆหลายคนได้โชว์พลังของคนไทยให้โลกได้รับรู้ บางคนมีโอกาสเข้าไปร่วมเป็นนักเตะในทีม อาด์ เฮเวอร์เลย์ เลอเวน (OH Leuven) สโมสรฟุตบอลในลีก ดิวิชัน 2 ของเบลเยียม ซึ่งเป็นทีมที่กลุ่มคิง เพาเวอร์ได้เข้าเทกโอเวอร์เมื่อเดือน มิ.ย. 2560 และอีกหลายคนก็ได้ร่วมเป็นนักเตะในทีมฟุตบอลดังในลีกของไทย

เมื่อครั้งตัดสินใจซื้อสโมสรเลสเตอร์ วิชัยเคยให้สัมภาษณ์กับ "ประชาชาติธุรกิจ" เกี่ยวกับการผลักดันเด็กไทยให้ก้าวไปสู่วงการฟุตบอลโลกไว้ว่า "ผมขอใช้ประโยชน์เลสเตอร์ อะคาเดมี"

"คิง เพาเวอร์ สามารถทำโครงการแลกเปลี่ยนการถ่ายทอดทักษะ เทคนิค วิธีเล่นระดับอินเตอร์แก่เยาวชนไทย เพราะหลักการฝึกเขาใช้วิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาช่วยเต็มรูปแบบ ตั้งแต่การเสริมสร้างกล้ามเนื้อ อาหาร พลังงาน ประเมินผลพัฒนาการทุกส่วนด้วยประสิทธิภาพสูง ต่างจากบ้านเราไม่มีความรู้เรื่องเหล่านี้เท่าไร

"ผมคิดเรื่องนี้ ทันทีที่เซ็นสัญญานอกจากพัฒนาฟุตบอลเยาวชนไทยแล้ว ยังควรต้องยกระดับประเทศไทย ทำกรุงเทพฯเป็นศูนย์กลางอะคาเดมีดีที่สุดของเอเชีย อนาคตผู้ปกครองไม่ต้องส่งลูกหลานไปถึงอังกฤษ มาที่นี่ก็ฝึกในรูปแบบเดียวกัน ผมตกลงกันไว้จะนำโค้ชจากเลสเตอร์ และเยาวชนนักเตะบางส่วนมาสอนแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ รวมถึงเมื่อเปิดอะคาเดมีแล้วก็ส่งเด็กไปฝึกที่อังกฤษด้วยเพื่อปั้นเข้าสู่สโมสรอื่นที่สนใจ"

"ผมคงไม่หยุดแค่นี้ อนาคตวางแผนจะนำซูเปอร์สตาร์นักเตะระดับโลก สร้างแมตช์จัดการแข่งขันในไทย สร้างชื่อเสียงให้ประเทศดังไปทั่วโลก แถมได้ช่วยขยายผลด้านเศรษฐกิจการท่องเที่ยวไปพร้อมกัน เพราะซูเปอร์สตาร์เหล่านี้สามารถเป็นประตูเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีอื่น ๆ แก่คนไทยได้อีกมาก"

นี่คือเรื่องราวบางส่วนของ "วิชัย ศรีวัฒนประภา" อภิมหาเศรษฐีผู้ล่วงลับ ที่ทำให้โลกได้ประจักษ์กับ "พลังของคนไทย"