posttoday

ภัยเหล้าปัจจัยกระตุ้นสำคัญก่อคดีล่วงละเมิดทางเพศเด็กสุด5ขวบถูกข่มขืน

20 ตุลาคม 2561

สลดสังคมไทยความรุนแรงทางเพศยังพุ่ง ชี้ภัยเหล้าปัจจัยกระตุ้นสำคัญเกินครึ่งเกิดจากคนใกล้ตัว-ครอบครัว อึ้งสถิติพบ 5 ขวบถูกข่มขืน นักศึกษากลุ่มเสี่ยงอันดับหนึ่ง แนะเปลี่ยนทัศนคติไม่มองผู้หญิงเป็นแค่สิ่งของ

สลดสังคมไทยความรุนแรงทางเพศยังพุ่ง ชี้ภัยเหล้าปัจจัยกระตุ้นสำคัญเกินครึ่งเกิดจากคนใกล้ตัว-ครอบครัว อึ้งสถิติพบ 5 ขวบถูกข่มขืน นักศึกษากลุ่มเสี่ยงอันดับหนึ่ง แนะเปลี่ยนทัศนคติไม่มองผู้หญิงเป็นแค่สิ่งของ

ที่โรงแรมเอเชีย กรุงเทพฯ ในเวทีเสวนา “ข่มขืน...ภัยใกล้ตัวของเด็กและเยาวชน” จัดโดย มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ร่วมกับ สิรินยา บิชอพ (ซินดี้) เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)

นางสาวจรีย์ ศรีสวัสดิ์ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่าจากการรวบรวมสถิติข่าวความรุนแรงทางเพศปี 2560 จากหนังสือพิมพ์13ฉบับ พบข่าวความรุนแรงฯ ทั้งหมด 317 ข่าว มีผู้เสียชีวิต 20ราย สำหรับปัจจัยกระตุ้น พบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดความรุนแรงทางเพศมากที่สุดถึง ร้อยละ 31.1 หรือคิดเป็นหนึ่งในสามโดยประมาณ รองลงมา อ้างว่ามีอารมณ์ทางเพศ ร้อยละ 28 การใช้สารเสพติด ร้อยละ16.3 และต้องการชิงทรัพย์ ร้อยละ 11.7 อายุของผู้ถูกกระทำเกินครึ่ง หรือร้อยละ 60.6 ยังเป็นกลุ่มเด็กและเยาวชน อายุ 5-20 ปี รองลงมา อายุ 41-60 ปี ร้อยละ 30.9 ผู้ถูกกระทำ เป็นนักเรียน/นักศึกษา ร้อยละ 60.9 รองลงมาคือลูกจ้าง ร้อยละ 21.6 ค้าขาย ร้อยละ 5.2 และเป็นกลุ่มเด็กเล็ก ร้อยละ 4.2 ส่วนสถานที่เกิดเหตุเกิดในที่พักของผู้ถูกกระทำฯ และเกิดเหตุในที่เปลี่ยว/ถนนเปลี่ยว ที่น่าสลดคืออายุของผู้ถูกกระทำน้อยที่สุดคือ เด็กหญิง 5 ขวบถูกข่มขืน และอายุมากสุดคือ อายุ 90 ปีถูกข่มขืน ส่วนอายุของผู้กระทำที่น้อยที่สุดคือ 12 ปี ส่วนใหญ่ผู้กระทำความรุนแรง เป็นคนรู้จักคุ้นเคยและเป็นบุคคลในครอบครัวกว่าร้อยละ 53 รองลงมา เป็นคนแปลกหน้า/ไม่รู้จักกัน ร้อยละ 38.2 และถูกกระทำจากคนที่รู้จักกันผ่านโซเชียล ร้อยละ 8.8

นางสาวจรีย์ กล่าวว่า กรณีความสัมพันธ์ที่เป็นคนใกล้ชิด/คนรู้จักคุ้นเคยส่วนใหญ่เกิดขึ้นในประเภทข่าวข่มขืน และมีหลายกรณีข่าวที่ผู้กระทำฯ มักอาศัยความไว้ใจเชื่อใจ ล่อลวงกระทำการข่มขืน ส่งผลกระทบต่อผู้ถูกกระทำ คือ หวาดผวา/ระแวง/กลัว ร้อยละ 26.1 ที่น่าห่วงคือ ถูกบังคับให้มีเพศสัมพันธ์หลายครั้ง/ยาวนาน ร้อยละ 12.8 ถูกขู่ฆ่าหากขัดขืน/ข่มขู่ห้ามบอกใคร ร้อยละ 12.7 ถูกทำร้ายร่างกายสาหัส ร้อยละ 12 ข้อเสนอในกรณีที่เกิดปัญหาขึ้น ครอบครัวควรให้กำลังใจ ไม่กล่าวโทษว่าเป็นความผิดของผู้ถูกกระทำ และควรสร้างความมั่นใจให้ผู้ถูกกระทำ ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อลดความหวาดกลัว สิ้นหวัง โดยไทยควรมีหลักสูตรการเรียนรู้ทั้งในระดับโรงเรียนให้เคารพในเนื้อตัวร่างกายของผู้หญิง บุคคลในหน่วยงาน เช่น โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย ควรมีความรู้ ความเข้าใจในประเด็นปัญหาความรุนแรงทางเพศที่ละเอียดอ่อน ไม่กระทำซ้ำผู้ถูกกระทำ อีกทั้งในระบบการเยียวยาผู้ถูกกระทำความรุนแรงทางเพศ ต้องดูแลแบบต่อเนื่อง เน้นการทำงานกับพลังภายในของผู้ถูกกระทำ เพื่อทำให้เห็นคุณค่าภายใน เห็นศักยภาพความสามารถของตนเอง เพราะการข่มขืนไม่ได้เพียงแต่ทำร้ายร่างกายเท่านั้น แต่ทำลายคุณค่าภายในอีกด้วย

นางสาวรุ่งอรุณ  ลิ้มฬหะภัณ รักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงหลัก สสส. กล่าวว่า ปัญหาการเกิดความรุนแรงส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จากข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2560 คนไทยดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ร้อยละ 28.4 ส่วนใหญ่เป็นเพศชายดื่มสูงกว่าเพศหญิงถึง 4 เท่า ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่สิ้นเปลืองของครัวเรือน โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระบุว่า ปี 2560 คนไทยมีค่าใช้จ่ายในการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สูงถึง 142,230 ล้านบาท และการดื่มยังเป็นต้นเหตุสำคัญของอุบัติเหตุ และปัญหาสุขภาพ เริ่มตั้งแต่ทำให้เกิดโรคตับแข็ง มะเร็ง หลอดเลือดสมอง สสส. สร้างการตระหนักและสื่อสารสังคมถึงผลเสียของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาตลอด เพื่อสกัดนักดื่มหน้าใหม่ และลดการดื่มของนักดื่มลง โดยเริ่มจากตระหนักถึงปัญหา และค่อยๆ ลดละ เลิกพฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ลง ตลอดจนการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเข้มงวด รวมทั้งการเฝ้าระวังในระดับชุมชน ก็จะช่วยลดความเสี่ยงลงได้เช่นกัน

รองศาสตราจารย์อภิญญา เวชยชัย นายกสภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ กล่าวว่า จากสถิติพบผู้เสียหายเข้าสู่กระบวนการของตำรวจมีแนวโน้มสูงขึ้น และจากการเฝ้าระวังพบว่าเหตุการณ์ความรุนแรงส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต สภาวะทางจิตใจ การรับรู้จะค่อยๆ เปลี่ยนไป ส่งผลต่อการใช้ชีวิตในอนาคต หลายรายต้องสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวเอง รู้สึกผิดโทษตัวเอง ทำร้ายตัวเองตลอดเวลา มีทัศนคติที่ไม่ดีในการสร้างครอบครัวและการมีเพศสัมพันธ์ในอนาคต สิ่งที่ยังเป็นปัญหา คือ ผู้เสียหายส่วนใหญ่ไม่กล้าเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพราะอาย ไม่กล้าเปิดเผย เก็บความทุกข์ไว้เพียงลำพัง ทำให้ผู้กระทำย่ามใจเกิดการกระทำซ้ำ ดังนั้นต้องทำให้ผู้กระทำได้รับการลงโทษที่เด็ดขาด ผู้เสียหายต้องได้รับทางเลือกที่เหมาะสม มีระบบดูแลผู้ถูกกระทำที่ชัดเจน คือ ให้บริการที่เป็นมิตรในรายบุคคล ได้รับคำปรึกษาที่เหมาะสมเพื่อให้ลดความหวาดกลัว ฟื้นฟูอารมณ์จิตใจนำพลังที่สูญเสียไปกลับคืนมา มีทีมสหวิชาชีพ นักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา ที่เพียงพอ และต้องมีบริการองค์รวม เช่น ปัจจัยสี่ อาชีพ ที่พักพิงชั่วคราวพื้นที่ปลอดภัย

ขณะที่นางทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนบ้านกาญจนาภิเษก กล่าวว่า การข่มขืนเป็นความรุนแรงทางเพศที่คุกคามความเป็นมนุษย์ผู้ถูกกระทำอย่างที่สุด แต่สังคมไทยกลับไม่จริงจังเรื่องการเรียกร้องความรับผิดชอบนี้จากผู้ชาย และมีแนวโน้มที่จะปล่อยให้ผู้ชายลอยนวล ขณะเดียวกันกลับเข้มงวด ตีเส้น ตีกรอบ เรียกร้องการดูแลตัวเองจากผู้หญิง ซึ่งเป็นวิธีคิดที่หลงทาง ที่ผ่านมาบ้านกาญฯ ได้ทำกระบวนการกลุ่ม มีกิจกรรมที่เป็นรูปธรรมเรียกว่า “วิชาชีวิต” เปลี่ยนระบบความคิดที่มีผลต่อพฤติกรรมเกี่ยวกับความรับผิดชอบทางเพศอย่างต่อเนื่อง เช่น การเลี้ยงไข่ต้ม 8 วัน โดยเยาวชนต้องหิ้วไข่ต้มติดตัวตลอดเวลา เพื่อให้เข้าใจลำบากในการเลี้ยงดูลูกของพ่อแม่ต้อง และการวิเคราะห์ข่าวเด็ก เด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง ข่าวพ่อวัยรุ่นฆ่าลูก ข่าวนักเรียนหญิงท้องเพราะเพื่อนชายข่มขืน โดยวัยรุ่นทุกคนของบ้านกาญฯ จะต้องเลี้ยงน้องที่บ้านเด็กกำพร้าบ้านปากเกร็ด 1 วัน และการจัดกิจกรรมดูภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้อง ทุกกิจกรรมมีการถอดบทเรียน ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ทำให้รูปแบบการคิดเปลี่ยนไป โดยไม่ต้องท่องจำ ความรับผิดชอบทางเพศคือความรับผิดชอบที่ต้องเรียกร้องจากบุคคลที่เกี่ยวข้องกัน การเรียกร้องความรับผิดชอบจากผู้หญิงแต่ปล่อยให้ผู้ชายลอยนวลคือ ทางแก้ที่ไร้ความสำนึก ขาดความรับผิดชอบของคนในสังคม ซึ่งต้องทบทวนและรื้อทิ้งความคิดดังกล่าวตั้งแต่วันนี้