‘ต้นกล้าสีขาว’ อนาคตไทยในหลักเศรษฐกิจพอเพียง

โดย ปอย 

จุดเด่นที่ทำให้โครงการ “กรุงไทย ต้นกล้าสีขาว” เป็นที่สนใจของครูและนักเรียนทั่วประเทศ มาจากเจตนารมณ์ดีของโครงการที่ต้องการหล่อหลอมให้เยาวชนมีความรู้คู่จริยธรรม และร่วมกันพลิกฟื้นชุมชนที่ตนเองอาศัยอยู่ด้วยหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

รวมทั้งประสบการณ์ดีๆ ที่นักเรียนได้รับจากกิจกรรม “ต้นกล้าแคมป์” ที่คิดขึ้นมาเพื่อเยาวชนโดยเฉพาะ เป็นโครงการที่ยืนหยัดจัดต่อเนื่อง จนเป็นที่จดจำของเด็กๆ ไทย บ่มเพาะเยาวชนลับคมความรู้และลงมือปฏิบัติ

การจัดต่อเนื่องปีที่ 12 โดยได้รับการตอบรับเพิ่มขึ้นทุกปี สำหรับปีนี้มีนักเรียนพร้อมใจกันส่งโครงงานเข้าประกวดมากถึง 268 ทีม

ศิริพร นพวัฒนพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวอธิบายรายละเอียดโครงการเพื่อเยาวชนไทยว่า จัดขึ้นให้กับทีมที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้ทฤษฎี และได้ทดลองปฏิบัติจริง ในการนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงใช้ในการดำเนินโครงงาน

“ปีนี้จัดที่ศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ จ.นครนายก เป็นเวลา 4 วัน 3 คืน ที่นี่เป็นศูนย์นิทรรศการที่รวบรวมข้อมูลและกิจกรรมเกี่ยวกับโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง ยกตัวอย่างเช่นการทำสบู่ แชมพู การผสมดิน ทำปุ๋ย สร้างบ้านดิน สีข้าวด้วยมือ เป็นต้น

นอกจากนี้ การที่เป็นสถาบันการเงินจึงมีผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้ด้านการเงินให้คำปรึกษาในการดำเนินโครงงาน และแนะนำเทคนิคการนำเสนออย่างมืออาชีพ กิจกรรมตลอดทั้ง 4 วัน จึงเต็มไปด้วยการบ่มเพาะความรู้ สร้างเป็นประสบการณ์ที่ดี และเป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิตของนักเรียนเอง รวมทั้งเป็นประโยชน์ในการพัฒนาโครงงานเข้าร่วมประกวดด้วย

ทั้ง 15 ทีมนี้จะนำความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ในการดำเนินโครงงาน และนำเสนอต่อกรรมการคัดเลือกในรอบชิงชนะเลิศในวันที่ 14 พ.ย.นี้ ซึ่งการที่ทำต่อเนื่องมา 12 ปี จึงเชื่อมั่นว่าปีนี้จะได้เห็นโครงงานดีๆ จากการร่วมคิดร่วมทำของนักเรียน ในการพลิกฟื้นชุมชนให้แข็งแรงอย่างยั่งยืน การได้ทำงานติดตามผลงานของน้องๆ วัยมัธยม เพราะบางโครงงานสามารถเป็นต้นแบบให้ผู้ที่สนใจนำไปปรับใช้ในชุมชนของตัวเองได้ด้วย”

สำหรับความคิดเห็นของนักเรียนที่ร่วมกิจกรรมต้นกล้าแคมป์มีความแตกต่าง หลากหลายมุมมอง “ทัด” ธีระพงษ์ กางไธสง จากโรงเรียนพุทไธสง จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า มีโอกาสศึกษาเกี่ยวกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของพี่ๆ ที่ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต โปรแกรมการฝึกปฏิบัติตลอดทั้ง 4 วันน่าสนใจมาก เป็นกิจกรรมที่ดีสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตได้หลายอย่าง

“ความรู้บางเรื่องจะนำกลับไปใช้ที่โรงเรียน อย่างเช่นเรื่องการทำน้ำหมักชีวภาพ ซึ่งโรงเรียนของผมกำลังจะทำกิจกรรมให้นักเรียนทำน้ำหมักชีวภาพออกจำหน่าย ผมก็จะนำความรู้ที่ได้ฝึกจากที่นี่ไปทำที่โรงเรียน นอกจากนี้ความรู้เรื่องการเงินก็เป็นแนวคิดที่เป็นประโยชน์ให้ผมนำไปบริหารจัดการเงินได้อีก 1 เรื่องครับ”

“เจินเจิน” ญาณินดา เตียวอนันต์ จากโรงเรียนสตรีพัทลุง จ.พัทลุง เล่าว่า ตลอด 4 วันที่อยู่ที่นี่เป็นสิ่งที่คุ้มค่ามาก

“หนูโชคดีที่มีโอกาสเข้าต้นกล้าแคมป์ เพราะหนูได้ประโยชน์จากกิจกรรมนี้มาก ได้รู้จักเกี่ยวกับโครงการของในหลวงรัชกาลที่ 9 มากขึ้น ได้รับรู้ว่าพระองค์ท่านทรงทำอะไรให้กับประเทศไทยบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวทางการดำเนินชีวิตด้วยหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

มีหลายกิจกรรมที่สอนให้ได้ลงมือปฏิบัติจริง ชอบกิจกรรมที่สอนให้ทำ เช่น สบู่ แชมพู ได้เรียนรู้วิธีทำและจะเอาไปทำใช้ที่บ้าน สอนให้พวกเราพึ่งพาตัวเองและอยู่อย่างพอเพียงค่ะ”

“เดฟ” เฉลิมรัฐ ปัดสำราญ จากโรงเรียนพุทไธสง จ.บุรีรัมย์ อีกคนหนึ่งบอกว่า ตอนที่พี่ๆ พาเดินไปศึกษาแนวคิดของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในแต่ละฐาน ได้ความรู้มากมายเลยครับ เช่น เรื่องการปรับปรุงดิน ซึ่งทำให้เห็นว่าจากพื้นที่ที่เคยเป็นหินภูเขา ก็สามารถปรับให้กลายเป็นดินที่อุดมสมบูรณ์ และมีป่าที่ร่มรื่นเกิดขึ้นได้ในช่วงเวลาเพียง 12 ปี

“ความรู้อีก 1 เรื่องที่ได้ประโยชน์มากๆ ผมคิดว่าจะนำกลับไปชวนพ่อแม่ทำคือ คันนาทองคำ ที่นี่สอนให้รู้ว่าคันนาก็มีประโยชน์ สามารถใช้เป็นที่ปลูกพืชผักผลไม้ได้ ที่บ้านผมมีคันนาที่มีแต่หญ้าขึ้น ผมจะปลูกพริก มะละกอ และผลไม้อื่นๆ ผลผลิตที่ได้ก็เอามารับประทาน แบ่งปันให้คนอื่น หรือจำหน่ายสร้างรายได้

ผมประทับใจเรื่องการสีข้าวอีกด้วยครับ ผมเคยเห็นแต่ในทีวีและยูทูบ แต่มาที่นี่ผมได้ลองทำเอง ทำให้รู้ว่าไม่ง่ายเลยกว่าจะได้ข้าวสักกำมือ ทำให้ผมเห็นคุณค่าของข้าวมากขึ้นครับ”

ปิดท้ายกับความรู้สึกของ “จันทร์กระพ้อ”จุรีรัตน์ บุญเกิด จากโรงเรียนจิตรลดา (สายวิชาชีพ) กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ได้มาทำกิจกรรมต้นกล้าแคมป์ รู้สึกตื่นเต้น เป็นกิจกรรมที่สนุกที่ได้ความรู้

“มีสิ่งกังวลกลัวเล็กน้อยค่ะว่าจะเข้ากับเพื่อนไม่ได้ เพราะเป็นคนขี้อาย แต่พอมาถึงที่นี่ ความรู้สึกกลัวกลับไม่มีเลยค่ะ พี่ๆ มีกิจกรรมให้เราทำร่วมกัน ทำให้เรารู้จักกัน กล้าที่จะพูด กล้าที่จะแสดงความคิดเห็น

หนูได้รู้จักเพื่อนต่างโรงเรียนอีกเกือบ 60 คน ทำให้เราได้แบ่งปันความรู้ซึ่งกันและกัน เพราะแต่ละคนมาจากคนละโรงเรียน คนละจังหวัด คนละภาค ซึ่งคนต่างพื้นที่ การเข้าร่วมต้นกล้าแคมป์จึงได้ประสบการณ์ ได้ความรู้ และได้มุมมองแตกต่างกันไปค่ะ”