posttoday

รมว.ยุติธรรมสั่งป.ป.ส.สรุปรายงาน "ปลดล็อคกัญชา" ใช้ในการแพทย์12ต.ค.นี้

04 ตุลาคม 2561

รมว.ยุติธรรมสั่งป.ป.ส สรุปรายงานสุดท้ายปลดล็อคกัญชาใช้รักษาโรค 12 ต.ค.นี้ เน้นนำไปใช้ผู้ป่วย-แพทย์สมัครใจภายใต้การควบคุมตลอดระยะรักษาโรค

รมว.ยุติธรรมสั่งป.ป.ส สรุปรายงานสุดท้ายปลดล็อคกัญชาใช้รักษาโรค 12 ต.ค.นี้ เน้นนำไปใช้ผู้ป่วย-แพทย์สมัครใจภายใต้การควบคุมตลอดระยะรักษาโรค

เมื่อวันที่ 4 ต.ค. พล.อ.อประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึง ความคืบหน้า แนวทางการคลายล็อคให้ใช้กัญชาเพื่อรักษาโรค ว่า ล่าสุดได้รับผลการศึกษาข้อเสนอยกร่างเฉพาะส่วนของการนำกัญชามาศึกษาวิจัยให้เกิดประโยชน์ทางการแพทย์ จากสำนักงาน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)แล้ว ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีการเปรียบเทียบสถานการณ์ของยาเสพติดในประเทศ มีรายละเอียดข้อมูลที่มีการเปรียบเทียบสถานการณ์ของยาเสพติดในประเทศ และผลการศึกษาพืชเสพติดที่มีประโยชน์ซึ่งรวมถึงกัญชา รวมทั้งผลการวิจัยยา ที่มีส่วนผสมของกัญชาในต่างประเทศที่ใช้ในการรักษาโรคเช่นโรคอัลไซเมอร์ โรคลมชักว่ามีส่วนผสมหรือสูตรแตกต่างกันอย่างไรต้องใช้กัญชาสูตรไหนบ้าง ซึ่งเป็นการรวบรวมผลการวิจัยจาก4 ประเทศ รวมทั้งมีข้อมูลวิธีการควบคุมการปลูกการสกัดการลักลอบนำเข้าส่งออกและรายละเอียดส่วนผสมของยารักษาผู้ป่วยโรคต่างๆ

รมว.ยุติธรรมกล่าวว่า หลังจากการอ่านรายละเอียดที่ป.ป.ส.ทั้งหมดตนได้ให้ป.ป.ส.กลับไปทำข้อมูลเพิ่มเติมในบทสรุปขั้นสุดท้าย โดยเฉพาะให้ชี้ชัดในประเด็นเหตุผลความจำเป็นของการปลดล็อคกัญชา วิธีการปลูก สายพันธุ์ที่เหมาะสม สูตรยาแต่ละโรค เทคโนโลยีการสกัดสารเพื่อปรุงยา ซึ่งต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง การนำเข้า ส่งออก และครอบครองกัญชา เพื่อศึกษาวิจัยให้เกิดประโยชน์ทางการแพทย์ และมาตรการควบคุมทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง และ การนำไปใช้กับผู้ป่วยที่สมัครใจ แพทย์ที่สมัครใจภายใต้การควบคุมตลอดระยะการรักษาโรค ซึ่งป.ป.ส.ต้องเขียนมาตรการให้รอบคอบและชัดเจนโดยกำหนดให้แล้วเสร็จภายใน7 วันทำการหรือภายในวันศุกร์ที่ 12 ตค.นี้เพื่อนนำมาพิจารณาถ้ามีเหตุผลสมควร ก็จะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป

"ส่วนจะต้องใช้กฎหมายพิเศษหรือไม่ เมื่อได้รับผลการศึกษาทั้งหมดก็จะต้องพิจารณาดูว่าข้อเสนอที่เกี่ยวข้องจะไปขอยกเว้นมาตราการทางกฏหมายในข้อใดได้หรือไม่อย่างไร หากว่ามีช่องว่างหรือมีช่องทางให้ดำเนินการตามกฏหมายปกติได้ก็ไม่จำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษ แต่หากยังมีข้อจำกัดหรือประเด็นข้อห้ามทางกฏหมายอยู่ แต่เห็นว่าเป็นเรื่องที่มีประโยชน์ก็อาจเสนอให้ใช้กฎหมายพิเศษได้ แต่ทั้งนี้ต้องหารือกับฝ่ายกฎหมายอีกครั้ง"พล.อ.อ ประจิน กล่าว

พล.อ.อ ประจิน กล่าาอีกว่า เหตุผลที่ต้องให้ป.ป.ส. เร่งศึกษาวิจัยข้อเสนอเฉพาะส่วนของการนำกัญชามาศึกษาวิจัยให้เกิดประโยชน์ทางการแพทย์ ซึ่งเป็นรายละเอียดที่บรรจุอยู่ในร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด เนื่องจากมีข้อกังวลว่าหากปล่อยให้การพิจารณาผ่านร่างกฎหมายเป็นไปตามขั้นตอนปกติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะมีความล่าช้าเพราะสนช.ใช้เวลาพิจารณาเฉลี่ยเดือนละ 1 มาตรา ขณะที่ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดมีเนื้อหามากกว่า 200 มาตราดังนั้นจึงมีแนวคิดให้ปลดล็อกกัญชาทางการแพทย์ให้ผ่านออกมาก่อน แต่ต้องมีมาตรการควบคุมผลผลิตและผลิตภัณฑ์อย่างเข้มงวด ไม่ใช่การปลดล็อกเพื่อใช้กัญชารักษาโรคในคนได้อย่างเสรีอย่างไรก็ตาม แม้จะแยกให้นำกัญชาไปใช้ในการทดลองวิจัยได้ แต่ก็คงสถานะเป็นยาเสพติดประเภท 5 เช่นเดิม ห้ามเสพหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อสันทนาการ

ภาพ เอเอฟพี