รพ.ราชวิถีจัด ‘เทศน์มหาชาติ’ ระดมทุนเพิ่มคุณภาพการรักษา

เรื่อง จะเรียม สำรวจ

“การไม่มีโรคถือเป็นลาภอันประเสริฐ” ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปอย่างไร คำพูดยังคงเป็นประโยคหลายคนอยากได้รับ เพราะถ้าสุขภาพร่างกายแข็งแรงเรื่องดีต่างๆ ก็จะตามมา แต่เมื่อชีวิตของคนเราไม่สามารถเลือกได้ว่าโรคภัยไข้เจ็บจะมาตอนไหน การป้องกันด้วยการดูแลร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง จึงถือว่ามีความจำเป็นอย่างมาก จะเห็นได้ว่าปัจจุบันคนไทยหันมาออกกำลังกายเพื่อป้องกันโรคภัยไข้เจ็บกันมากขึ้น

แต่สำหรับคนที่เจ็บป่วยไปแล้ว การรักษาถือว่ามีความจำเป็นอย่างมาก ยิ่งปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้โรงพยาบาลบางแห่งเริ่มคับแคบ เช่นเดียวกับโรงพยาบาลราชวิถี ซึ่งปัจจุบันเริ่มอยู่ในสถานการณ์ที่คับแคบและทรุดโทรม เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยที่เข้ามารับการรักษามีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทางโรงพยาบาลต้องจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อระดมหารายได้มาพัฒนาโรงพยาบาล

นพ.มานัส โพธาภรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี กล่าวว่า ปัจจุบันโรงพยาบาลราชวิถีเริ่มมีความคับแคบและทรุดโทรม เพราะนอกจากจะรับรักษาโรคทั่วไปและโรคเฉพาะทางแล้ว ยังเป็นศูนย์รับส่งต่อผู้ป่วยที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข รับส่งต่อผู้ป่วย โรคที่มีความซับซ้อนจากโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญทางด้านบริการแพทย์เฉพาะทาง เพราะมีการฝึกอบรมแพทย์ และผลิตบุคลากรทางการแพทย์คุณภาพเข้าสู่สังคมไทยมาอย่างต่อเนื่องมากว่า 67 ปี

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันโรงพยาบาลราชวิถีมีอาคารศูนย์การแพทย์ฯ แห่งใหม่ ซึ่งสามารถรองรับผู้ป่วยได้ปีละประมาณ 1.5 ล้านคน/ปี หรือเฉลี่ยวันละประมาณ 6,000 คน ภายในอาคารมีศูนย์การตรวจ-รักษาโรคเฉพาะทางครบวงจรตามมาตรฐานสากล มีห้องผ่าตัดอัจฉริยะ ศูนย์ผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ ศูนย์ไตเทียมด้วยเทคโนโลยีใหม่ และศูนย์ความเป็นเลิศทางแพทย์อีก 8 ศูนย์

แต่จากจำนวนผู้ป่วยที่เข้ามารักษาเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ปัจจุบันยังขาดแคลนเครื่องมือแพทย์อีกมากไม่ว่าจะเป็นเครื่องช่วยหายใจ เตียงผ่าตัด โคมไฟผ่าตัด เครื่องอัลตราซาวด์ หรือเครื่องล้างไต ซึ่งอุปกรณ์การแพทย์ดังกล่าวจำเป็นต้องใช้งบประมาณในการจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ เพื่อให้อาคารศูนย์การแพทย์ฯ พร้อมให้บริการและสามารถรักษาพยาบาลผู้ป่วยด้อยโอกาส ได้เต็มศักยภาพและครบวงจรมากขึ้น

ด้วยเหตุนี้โรงพยาบาลราชวิถีจึงต้องมีการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อระดมทุนซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ที่คาดแคลน และหนึ่งในกิจกรรมที่ดำเนินการไปแล้วในช่วงวันที่ 23-24 ส.ค.ที่ผ่านมา คือ โครงการ “เทศน์มหาชาติ เพื่ออาคารศูนย์การแพทย์ราชวิถี” ซึ่งจัดขึ้นด้วยวัตถุประสงค์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจทางด้านสาธารณสุขเพื่อประชาชนคนไทยมาอย่างยาวนาน เป็นการสานต่อปณิธานของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ในการรักษา ป้องกันส่งเสริม และฟื้นฟูสุขภาพอนามัยของประชาชน รวมทั้งเป็นการสืบสานพระพุทธศาสนาและจรรโลงมรดกทางวัฒนธรรมทางศาสนา ในการเทศน์มหาชาติและอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของไทยให้คงอยู่ต่อไป

เหตุผลที่ทำให้โรงพยาบาลราชวิถีเลือกที่จะใช้ “เทศน์มหาชาติ” สืบเนื่องจาก “เทศน์มหาชาติ” เป็นประเพณีโบราณ ซึ่งบรรพบุรุษไทยถือปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย เป็นการเทศนาถ่ายทอดเรื่องราวครั้งพุทธกาลที่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเสวยพระชาติเป็นพระเวชสันดร บรมโพธิสัตว์ที่ทรงบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ ได้ครบบริบูรณ์ทั้ง 10 ประการ ซึ่งยากที่ผู้ใดจะปฏิบัติได้ การเทศน์มหาชาตินี้พระธรรมกถึกสงฆ์ผู้แสดงได้เทศนาเป็นทำนองที่ไพเราะ ได้อรรถรสน่าฟัง การสดับเทศน์มหาชาติเป็นการปลูกฝังคุณธรรม ศีลธรรม เป็นการให้คติสอนใจคน ในสังคมได้ทั้งในวันนี้และวันข้างหน้า และเชื่อว่าถ้าผู้ใดได้ฟังเทศน์ครบทั้ง 13 กัณฑ์ และดำเนินชีวิต ตามหลักธรรมจะช่วยให้ชีวิตเป็นสุขร่มเย็น สังคมเป็นปกติสุขผลอานิสงฆ์จะทำให้ผู้นั้นสมปรารถนา

ทั้งนี้ ปัจจัยกัณฑ์เทศน์และเงินร่วมทำบุญทั้งหมดที่ได้จากโครงการ “เทศน์มหาชาติ” จะนำไปสมทบทุนเพื่อซื้ออุปกรณ์การแพทย์ และสร้างศูนย์โรคไตครบวงจร อาคารศูนย์การแพทย์ราชวิถี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการดูแล รักษาผู้ป่วยโรคไตได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นพ.กำธร ลีลามะลิ หัวหน้าศูนย์ไตเทียมโรงพยาบาลราชวิถี กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยป่วยด้วยโรคไตเรื้อรังประมาณ 8 ล้านคน โดยเป็นผู้ป่วยไตเรื้อรังระยะสุดท้ายกว่า 1 แสนคน ที่ต้องได้รับการฟอกเลือดหรือล้างไตทางช่องท้อง ซึ่งจากจำนวนผู้ป่วยโรคไตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยที่ 15-20% ต่อปี ทำให้โรงพยาบาลต้องหันมาทำกิจกรรมป้องกันโรคไต

ในส่วนของกิจกรรมที่จัดจะเน้นไปที่การให้ความรู้กับผู้บริโภค เพราะโรคไตเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ ด้วยการหลีกเลี่ยงอาหารเค็ม ควบคุมโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงให้ดี ขณะเดียวกัน ก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาบางตัวที่มีผลเสียต่อไต เช่น การใช้ยาแก้ปวดลดการอักเสบอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน หรือหลีกเลี่ยงการใช้ยาสมุนไพรที่ไม่มีการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องได้มาตรฐาน

อย่างไรก็ดี โรคไตเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ถ้าได้รับการวินิจฉัยและรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ โดยผู้ป่วยสามารถตรวจพบโรคไตระยะแรกได้ โดยการตรวจคัดกรองโรคไตในการตรวจสุขภาพประจำปี ซึ่งตลาดระยะเวลากว่า 50 ปีที่ผ่านมา โรงพยาบาลราชวิถี มีผู้ป่วยเข้ารับการรักษา กว่า 1.2 หมื่นคน/ปี

ปัจจุบันยังมีผู้ป่วยที่ทำการรักษาที่ศูนย์ไตเทียมโรงพยาบาลราชวิถีกว่า 1,500 คน/ปี เนื่องจากศูนย์โรคไตครบวงจร โรงพยาบาลราชวิถี ประกอบด้วย 5 หน่วยงานที่ดูแลผู้ป่วย คือ 1.คลินิกโรคไต (Kidney Disease Clinic) ที่ทำการวินิจฉัย รักษาโรคไตให้หาย หรือชะลอความเสื่อมในกรณีที่รักษาไม่หายขาด 2. คลินิกล้างไตทางช่องท้อง (Peritoneal Dialysis Clinic) สำหรับผู้ป่วยไตวาย ที่ต้องรักษาด้วยการล้างไตทางช่องท้องซึ่งเป็นการรักษาด้วยตนเองที่บ้านเป็นหลัก จึงต้องมีทีมที่ออกเยี่ยมผู้ป่วยที่บ้านและดูแลให้คำปรึกษาได้ตลอด 24 ชั่วโมง

3.หน่วยฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemo dialysis Unit) ที่ทำการฟอกเลือดให้กับผู้ป่วยไตวายทั้งแบบวิกฤต เฉียบพลัน และแบบเรื้อรัง 4.คลินิกเส้นฟอกเลือด (Vascular Access Clinic) ที่ทำการสร้างเส้นเลือดพิเศษหรือสายที่ใช้สำหรับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ตรวจประสิทธิภาพและดูแลรักษาเส้นฟอกเลือดให้ใช้ได้ อย่างมีประสิทธิภาพและยาวนานที่สุด ซึ่งบริการดังกล่าวนี้ยังขาดแคลนในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ทำให้มีผู้ป่วยถูกส่งตัวเข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาลราชวิถีจำนวนมาก และ 5.ศูนย์ผ่าตัดเปลี่ยนไต ซึ่งเป็นการรักษาโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ดีที่สุด

หากโรงพยาบาลราชวิถีได้งบประมาณสนับสนุนเพิ่มอีก 300 ล้านบาท เงินส่วนหนึ่งจะนำไปซื้อเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการรักษาคนทุกคนอย่างเสมอภาคด้วยมาตรฐานเดียวกัน ผู้สนใจร่วมบริจาคได้ที่ “ศูนย์การแพทย์ราชวิถี ในมูลนิธิโรงพยาบาลราชวิถี” ธนาคารไทยพาณิชย์ หมายเลขบัญชี 051-2-69056-1 หรือสอบถามโทร. 02-354-7997-9 ต่อ 101, 104 และ 109