พระเครื่องตำรวจ "สายบุ๋น" พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ อรรถธรรมสุนทร

โดย...เอกชัย จั่นทอง

เช่นเคยคอลัมน์ “พุทธานุภาพ” ยังสรรหาพระเครื่องดีๆ มาให้ผู้อ่านละเมียดอ่านเช่นเดิม เปี่ยมล้นด้วยคุณภาพ และดีกรีแหล่งข่าวที่เรานำมาเสนอ ล้วนมีสาระ มีเรื่องราวชวนสัมผัสหลากหลาย วันนี้จะพาไปตะลุยฝั่งธนบุรี เข้ามาพบแหล่งข่าวที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 7 (บก.น.7) อาจมาใกล้หน่อย แต่เรื่องราวกับพระเครื่องเข้มข้นแน่นอน ไม่เสียเวลาขอพาไปรู้จักกับ…

“พี่หน่อย” พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ อรรถธรรมสุนทร ผกก.สอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.น.4 ช่วยราชการ

หัวหน้าสำนักงาน พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา ผบก.น.7 จบนักเรียนนายร้อยอบรม รุ่น 17 (นบ.รบ.17) เส้นทางชีวิตตำรวจไม่ใช่แนวบู๊ล้างผลาญเหมือนนายตำรวจคนอื่นๆ กลับกันจะชำนาญงานสายบุ๋นมากกว่า คลุกคลีกับสำนวนคดีมานับพันคดี แม่นเรื่องข้อกฎหมายอาญาแผ่นดิน ผู้เป็นนายวางใจให้ช่วยเหลืองานใกล้ชิด

พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ เริ่มก้าวเข้ารับราชการในรั้วสีกากี ปี 2535 ตำแหน่ง รองสว.สอบสวน สภ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ต่อมาปี 2538 จากชีวิตตำรวจภูธรโยกเข้ามาสัมผัสงานเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ เข้าสังกัดขึ้นตรงกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ตำแหน่ง รอง สว.สอบสวน สน.ลุมพินี เก็บเกี่ยวประสบการณ์ทำงานเต็มที่

ปี 2539 สไลด์ไปนั่งทำงาน ตำแหน่ง รอง สว.สอบสวน สน.แสมดำ คลุกคลีใช้ชีวิตใน สน.แสมดำ มานานหลายปี จนติดยศรอง ผกก.กระทั่งปี 2558 ขยับขึ้น ผกก.สอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.น.4 ปัจจุบันช่วยราชการหัวหน้าสำนักงาน ผบก.น.7

สำหรับพระเครื่องที่พกพาแขวนติดตัวเสมอของ พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ นั้น เจ้าตัวเล่าบอกว่า องค์แรก เหรียญทรงระฆัง หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค จ.นครสวรรค์ ถัดมาเหรียญหลวงพ่อโต วัดโพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร พระปิดตาจัมโบ้ หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม จ.กาญจนบุรี และเหรียญพระประธาน หลังสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี วัดระฆังฯ ทั้งหมดนี้ พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ มักแขวนติดตัวเสมอ แต่ก่อนแขวนจะอาราธนาสวดมนต์อยู่เสมอ ทุกครั้งที่ออกปฏิบัติหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ต้องมีพระเครื่องชุดนี้คู่กายตลอดเวลา

พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ เล่าให้ฟังว่า ทุกครั้งที่แขวนพระทำให้รู้สึกมั่นใจ ไม่กังวล ไม่กลัว มุ่งมั่นมีสมาธิในการทำงานช่วยเหลือเราในยามที่อ่อนแอ เหนื่อย ท้อแท้ แต่เมื่อเรามีพระเครื่องอยู่ใกล้ตัวเหมือนเรามีที่พึ่งพา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันเป็นเรื่องของจิตใจมากกว่าที่ต้องมีของดีๆ มีพระเครื่องอยู่กับตัวเรา เพื่อให้คุ้มครองแคล้วคลาดปลอดภัย

“จริงแล้วไม่ได้อยากรับราชการเป็นตำรวจ เพราะตำรวจอาจเป็นอาชีพที่คนไม่ชอบ ความจริงอยากทำงานด้านสาธารณสุข หรือเป็นผู้พิพากษา อัยการ แต่เรียนจบมาตอนนั้นก็ต้องคว้าโอกาสไว้ก่อน เลยจับพลัดจับผลูเป็นตำรวจเรื่อยมาจนปัจจุบัน เพราะกลัวตกงาน พอเป็นตำรวจจริงๆ เห็นชัดเจนเลยว่า อาชีพนี้สามารถช่วยเหลือคนได้เยอะ ถึงแม้ว่าใครจะด่าก็ตาม” ผกก.หน่อย ย้อนอดีต

ผกก.หน่อย เกทับย้ำว่า อาชีพตำรวจช่วยคนได้เยอะจริงๆ ถึงแม้ว่าบางครั้งคนที่เราไปช่วยเหลืออาจมองตำรวจในแง่ไม่ดี หรือต้องทำให้เราเจ็บแต่ก็ต้องทำ พ่อสอนอยู่เสมอว่า “อย่าทำให้ใครต้องเดือดร้อนเพราะเรา” นั่นคือเสียงที่ก้องอยู่ในหัวตลอดมา แม้ว่าพ่อจะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม ที่สำคัญไม่เคยหวังว่าจะร่ำรวยจากอาชีพตำรวจ แต่เรามองว่านั่นคือการได้ช่วยเหลือคนมากกว่า ตรงนี้คือสิ่งที่ทำให้เราอยู่ได้ แค่นี้ชีวิตก็พอใจแล้ว

“อาชีพตำรวจมันเหนื่อย แต่มันก็ภูมิใจไม่น้อยที่เราได้มาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือประชาชน ถือว่าชีวิตการเป็นตำรวจมาไกลมากกว่าที่คิดไว้” พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ บอกความรู้สึก