posttoday

“ประจิน” ยันเด้ง 2 รองอธิบดีดีเอสไอแค่ขยับให้ขรก.โต ปัดล้างขั้วตำรวจ

07 กันยายน 2561

รมว.ยุติธรรม ยันเด้ง 2 รองอธิบดีดีเอสไอแค่ขยับให้ขรก.โต ปัดล้างขั้วตำรวจ ด้าน ปลัดยธ. เผย โยกสายงานคุมประพฤติมีทักษะสืบสวน-สืบเสาะเคยดูแลผู้ที่ถูกคุมประพฤติมาก่อน ไม่ได้ลดบทบาทแต่ปรับปรุงโครงสร้างให้เหมาะสม

รมว.ยุติธรรม ยันเด้ง 2 รองอธิบดีดีเอสไอแค่ขยับให้ขรก.โต  ปัดล้างขั้วตำรวจ ด้าน ปลัดยธ. เผย โยกสายงานคุมประพฤติมีทักษะสืบสวน-สืบเสาะเคยดูแลผู้ที่ถูกคุมประพฤติมาก่อน ไม่ได้ลดบทบาทแต่ปรับปรุงโครงสร้างให้เหมาะสม

เมื่อวันที่ 7 ก.ย. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ยุติธรรม เปิดเผยภายหลังติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างอาคารกระทรวงยุติธรรมแห่งใหม่ที่ใช้วงเงินงบประมาณในการก่อสร้างกว่า1,476 ล้านบาท ซึ่งได้เริ่มก่อสร้างตั้งปี 2558 และจะแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2561 โดยคาดว่าจะเปิดทำการในปี 2563ในลักษณะทางกายภาพที่ตั้งอาคารจะติดกับถนนแจ้งวัฒนะ มีรถเมล์ผ่านและในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าเมื่อลงจากรถเมล์สามารถเดินเข้ามาภายในกระทรวงได้เลยโดยจะพิจารณาพื้นที่ด้านล่างเป็นศูนย์บริการรับเรื่องของประชาชนและจะมีการคัดกรองแนะนำให้ไปจุดต่างๆซึ่งสำนักงานกองทุนยุติธรรมจะย้ายอยู่ที่นี่และมีระบบเชื่อมโยงกับยุติธรรมจังหวัดทั่วประเทศให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์และมีความสะดวกมากกว่าที่ผ่านมารวมทั้งจะมีระบบศูนย์ข้อมูลแลกเปลี่ยนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย

พล.อ.อ.ประจิน ยังกล่าวถึงกรณีการโยกย้ายระดับผู้บริหารในกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษมีหน้าที่รับผิดชอบหลายคดีและมีแนวคิดจะปรับลดภารกิจคดีพิเศษให้เหลือ 20 คดีจาก 30 กว่าคดีแม้ที่ผ่านมาจะทำได้ดีแต่ต้องการเจ้าหน้าที่สายงานที่เชี่ยวชาญทุกสาขาเข้ามาสืบสวนคดีที่มีความซับซ้อนเพื่อให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีความครบถ้วนหลากหลายสามารถทำงานร่วมกับหลายส่วนได้จึงจำเป็นต้องมีบุคลากรหลากหลายสายงานให้ตรงกับการภาระหน้าที่ของดีเอสไอส่วนคนที่ทำหน้าที่ในปัจจุบันก็ต้องเติบโตขึ้นเป็นผู้ตรวจ รองปลัดกระทรวงหรือปลัด กระทรวงในหน่วยงานอื่นที่สังกัดกับกระทรวงยุติธรรมได้จึงต้องเปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีโอกาสเติบโตขึ้นโดยไม่ถือว่าทุกคนที่อยู่ในดีเอสไอต้องเกษียณอายุราชการที่ดีเอสไอ

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีให้ฝ่ายกฎหมายศึกษาการโยกย้ายในระดับผู้อำนวยการว่าจะทำได้หรือไม่พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่าการโยกย้ายระดับผู้อำนวยการต้องให้อธิบดีดีเอสไอเป็นผู้พิจารณาว่าการทำงานของแต่ละแผนกรับผิดชอบเรื่องใดบ้างมีบุคคลทำงานครบถ้วนหรือไม่ หากครบแล้วก็ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรหากไม่ครบถ้วนก็สลับสับเปลี่ยนยืนยันไม่ได้หมายความว่าต้องเจาะจงให้ตำรวจออกไปและไม่ได้เป็นการลดบทบาทของดีเอสไอแต่เป็นการปรับโครงสร้างให้เหมาะสมกับการทำงานเพราะประเทศไทยมีหน่วยรับผิดชอบหลายหน่วยงานดีเอสไอต้องทำงานร่วมกันหลายหน่วย

“ดีเอสไอมีขีดจำกัดในการสืบสวนจึงต้องมีสัดส่วนผู้บริหารที่เหมาะสมและสามารถทำงานให้กระทรวงได้สำหรับสัดส่วนที่จะเฉลี่ยเป็นสหวิชาชีพนั้นต้องพิจารณาที่เนื้องานว่ายังขาดบุคลากรสายใดก็เติมเต็มจุดนั้นให้ครบถ้วนโดยแต่ละแผนกจะมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านไม่เท่ากันขณะที่ระดับผู้บริหารก็ต้องมีการปรับตำแหน่งขึ้นตามลำดับซึ่งตามหลักแล้วระดับปฏิบัติและระดับบริหารต้องดำเนินการควบคู่กันให้มีความเหมาะสมต่องาน”รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมกล่าว

ด้านนายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่ากระทรวงยุติธรรมมีหน่วยงานที่มีความสามารถในการสืบสวนมีหลายหน่วยไม่ได้มีเฉพาะดีเอสไอการย้ายรองอธิบดีกรมคุมประพฤติก็สามารถเสริมงานด้านการสืบสวนได้เนื่องจากกรมคุมประพฤติเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่สืบสวนข้อเท็จจริงมาโดยตลอดทั้งการช่วยศาลสืบสวนสอดส่องความประพฤติเพื่อดำเนินคดีอาญารวมถึงการดูแลประชาชนที่ถูกคุมประพฤติด้วย จึงเชื่อว่าสามารถทำงานได้