posttoday

ดีเอสไอส่งสรรพากรฟันเจ้าหนี้นอกระบบเลี่ยงภาษีกว่า1,600 ล้านบาท

01 กันยายน 2561

ดีเอสไอส่งสรรพากรดำเนินคดีข้อหาเลี่ยงภาษีเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบชัยภูมิ-เพชรบูรณ์ มูลค่ากว่า 1,600 ล้านบาท หลังพบหลักฐานครอบครองโฉนดที่ดินเกือบ 2พันไร่โดยไม่เสียภาษี

ดีเอสไอส่งสรรพากรดำเนินคดีข้อหาเลี่ยงภาษีเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบชัยภูมิ-เพชรบูรณ์ มูลค่ากว่า 1,600 ล้านบาท หลังพบหลักฐานครอบครองโฉนดที่ดินเกือบ 2พันไร่โดยไม่เสียภาษี

เมื่อวันที่ 1 ก.ย. พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากกรณีที่มีประชาชนจ.ชัยภูมิ และเพชรบูรณ์ได้ร้องขอให้ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้ฯ ตรวจสอบการกระทำของเจ้าหนี้นอกระบบใน 2 จังหวัดดังกล่าวพร้อมครอบครัว มีพฤติการณ์ปล่อยเงินกู้นอกระบบให้ประชาชน โดยเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด และให้ลูกหนี้ลงชื่อในเอกสารเพื่อใช้โฉนดที่ดินและทรัพย์สินต่าง ๆ เป็นหลักประกันเงินกู้ และเมื่อมีการผิดนัดชำระหนี้จะมีการบังคับตามสัญญาประกันจนชาวบ้านที่กู้เงินนอกระบบ ได้รับความเดือดร้อน ถูกบังคับคดียึดบ้านและที่ดินเป็นจำนวนมาก จากการสืบสวนสอบสวน พบว่าบุคคลดังกล่าว มีบัญชีเงินฝากจำนวนหลายสิบบัญชี และได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินและอสังหาริมทรัพย์มาเป็นจำนวนมากโดยหลีกเลี่ยงภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จึงได้ประสานให้กรมสรรพากรประเมินเรียกเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีธุรกิจเฉพาะรายเจ้าหนี้นอกระบบจ.ชัยภูมิ สำหรับปีภาษี 2550 – 2555 เป็นเงินรวมประมาณ 230 ล้านบาท และรับไว้เป็นคดีพิเศษ

พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวอีกว่า จากการขยายผลยังพบอีกว่าในช่วงปี 2556 - 2560 เจ้าหนี้รายนี้มีเงินนำฝากในบัญชีเงินฝากธนาคารจำนวน 152 ล้านบาทเศษ แต่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้จำนวน 5 ล้านบาทเศษ ส่วนสามีมีเงินนำฝากจำนวน 114 ล้านบาทเศษ แต่ไม่ปรากฏหลักฐานการยื่นแบบแสดงรายการเงินได้แต่อย่างใด ดีเอสไอจึงส่งหลักฐานเอกสารเพื่อขอให้กรมสรรพากรดำเนินการต่อไป ส่วนเจ้าหน้าหนี้นอกระบบ จ.เพชรบูรณ์ มีจำนวน 3 ราย จากการตรวจสอบ ระหว่างปี 2553 - 2559 พบว่าเจ้าหนี้รายที่ 1 มีการนำเงินมาฝากในบัญชีจำนวน 1,000 ล้านบาทเศษ แต่ยื่นแบบเงินได้ จำนวน 160 ล้านบาทเศษ ส่วนเจ้าหนี้รายที่ 2 และภรรยา จากการตรวจสอบรายการเดินบัญชีระหว่างปี 2553 - 2559 พบว่ามีการนำเงินมาฝากในบัญชีดังกล่าว เป็นเงินจำนวน 260 ล้านบาท เจ้าหนี้รายที่ 2 นี้ยื่นแบบเงินได้ฯ ตามมาตรา 40(5) มาตรา 40(8) เป็นเงินจำนวน 12 ล้านบาทเศษ โดยไม่ได้ยื่นแบบแสดงเงินได้ฯ ตามมาตรา 40(4) แต่อย่างใด

นอกจากนี้ยังได้การตรวจสอบ สำเนาโฉนดที่ดิน, น.ส.3, สำเนาหนังสือสัญญาที่เกี่ยวข้อง พบว่าในระหว่างปี 2550 - 2559 เจ้าหนี้รายที่ 2 และภรรยา พร้อมบุตรอีก 3 คน ได้กรรมสิทธิ์และสิทธิครอบครองในที่ดินมาเป็นของตนเองเป็นจำนวนกว่า 1,823 ไร่ ทั้งที่ภรรยาได้แจ้งในแบบ ภ.ง.ด.90, ภ.ง.ด.94 ของสามีว่า ตนเองเป็นบุคคลผู้ไม่มีเงินได้พึงประเมิน ส่วนบุตรทั้งสามคน ก็ไม่ปรากฏหลักฐานการยื่นแบบแสดงเงินได้แต่อย่างใด  ดีเอสไอจึงส่งหลักฐานให้กรมสรรพากรดำเนินการต่อเนื่องจากมีเหตุที่น่าสงสัยว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวมีเจตนาหลีกเลี่ยงเสียภาษีอากร