posttoday

"ผู้ใหญ่ไม่ทำตามสัญญา"น้องแบมผิดหวังไม่ได้ทำงานที่"พม."

30 สิงหาคม 2561

"น้องแบม"เผยเรียนจบแล้วแต่ไม่ได้ทำงานที่กระทรวงพัฒนาสังคมฯตามที่ผู้ใหญ่เคยรับปากไว้ ระบุได้รับคำตอบให้รอประกาศรับสมัครงาน

"น้องแบม"เผยเรียนจบแล้วแต่ไม่ได้ทำงานที่กระทรวงพัฒนาสังคมฯตามที่ผู้ใหญ่เคยรับปากไว้ ระบุได้รับคำตอบให้รอประกาศรับสมัครงาน

เมื่อวันที่ 30 ส.ค. น.ส.ปณิดา ยศปัญญา หรือ น้องแบม อายุ 23 ปี อดีตนักศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาพัฒนาชุมชน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ผู้เปิดโปงการทุจริตโครงการสงเคราะห์ผู้ป่วยยากไร้และผู้ป่วยโรคเอดส์ ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้ได้สำเร็จการศึกษาแล้ว และมหาวิทยาลัยรังสิต ได้ประสานเรื่องการให้ทุน เข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาโทตามที่เคยแจ้งไว้ และได้ศึกษาต่อ เทอมแรกที่วิทยาลัยนวัตกรรม สาขาผู้นำสังคม ธุรกิจและการเมือง มหาวิทยาลัยรังสิตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ส่วนการทำงานตามที่ภาครัฐและเอกชนเคยบอกไว้นั้น ขณะนี้โรงแรมโฆษะ ได้รับเข้าทำงานเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน ส่วนกระทรวง หรือหน่วยงานราชการที่เคยแจ้งไว้ว่าจะรับเข้าทำงานนั้น ได้รับการติดต่อจากค่ายประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี เพื่อรับเข้าทำงาน แต่เนื่องจากว่า ปัจจุบันสุขภาพของบิดา มารดาไม่แข็งแรง บิดาต้องเดินทางไปพบแพทย์บ่อยครั้ง อีกทั้งมีความตั้งใจว่าอยากเป็นนักพัฒนาชุมชน ที่ช่วยเหลือชาวบ้านผู้ยากไร้ตามชนบท จึงไม่ได้เข้าทำงานตามที่ถูกเรียกตัว

"ได้ประสานไปยัง ผู้ใหญ่ในกระทรวง พม.ตามที่เคยรับปากไว้ต่อหน้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่า เมื่อเรียนจบจะรับเข้าทำงานและถ้าพร้อมทำงานให้โทรศัพท์แจ้งได้ ซึ่งผู้ใหญ่ในกระทรวง พม.ได้ให้เบอร์โทรศัพท์ไว้ เมื่อเคลียร์ทุกอย่างลงตัว จึงโทรศัพท์ไปหา พร้อมแจ้งความประสงค์ว่า อยากทำงานที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งขอนแก่น แต่คำตอบที่ได้คือ ถ้ามีประกาศรับสมัครคนเข้าทำงานให้สมัครเข้ามาตามขั้นตอน และสอบตามขั้นตอน แต่ยังไม่ทราบว่าจะประกาศรับสมัครเมื่อใด"

"คำตอบที่ได้ทั้งทางโทรศัพท์และทางไลน์ ทำให้รู้สึกว่า ผู้ใหญ่ไม่ทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้ เพราะเมื่อเปรียบกับผู้ที่ได้รับสิทธิพิเศษรายอื่นๆ ตัวเองเหมือนถูกทอดทิ้ง ทำให้รู้สึกน้อยใจเหมือนกันที่ไม่เป็นไปตามที่หวังและที่ได้ยินจากปากของผู้ใหญ่ที่ได้กล่าวไว้ต่อหน้าผู้นำประเทศ"

น.ส.ปณิดา กล่าวต่ออีกว่า ปัจจุบันครอบครัวยังต้องอยู่อย่างระมัดระวังตัวกว่าเดิม ถึงแม้การข่มขู่จากเสียงที่มองไม่เห็นไม่มีมานานแล้ว แต่ยังคงหวาดระแวง เพราะไม่รู้ว่าในสังคมที่เราเจอ มีใครเป็นมิตรหรือแอบแฝงอะไรอยู่ หรือไม่