ว่าด้วยเรื่อง การมีเซ็กซ์และการมีลูก

โดย ธนะโรจน์ สิทธาธีระวัฒน์ ภาพ : เอเอฟพี 

มีโอกาสได้เข้าไปอ่านเกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับการมีเซ็กซ์และการมีลูกของคนในประเทศต่างๆ ใน www.bbc.com/thai แล้วคิดว่ามันเป็นประเด็นที่น่าสนใจไม่แพ้ประเด็นการเป็นสังคมผู้สูงวัยแบบเต็มสูบของทุกประเทศทั่วโลก

เพราะประเด็นเรื่องการมีเซ็กซ์และการมีลูกเป็นประเด็นอันดับหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับประเด็นการเป็นสังคมผู้สูงวัยโดยตรง เราจึงควรต้องรู้ไว้บ้างว่าอะไรคือส่วนหนึ่งที่ทำให้สังคมผู้สูงวัยเติบโตและแข็งแรงอย่างไม่หยุดยั้ง

สำนักข่าวบีบีซีได้เผยว่า ณ ขณะนี้ที่ญี่ปุ่นเกิดปัญหาอัตราการเกิดของประชากรตกต่ำขั้นรุนแรง แถมตัวเลขของการใช้ถุงยางอนามัย ยาคุมกำเนิด การทำแท้ง และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ก็ลดลงตามไปด้วย อะไรหนอคือสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวการณ์แบบนี้ขึ้น

คูนิโอะ คิตามูระ หัวหน้าสมาคมวางแผนครอบครัวญี่ปุ่น ได้บอกเล่าให้สำนักข่าวบีบีซีฟังว่า

“คำอธิบายเดียวของปรากฏการณ์นี้ก็คือ คนญี่ปุ่นกำลังมีเพศสัมพันธ์กันน้อยลง”

แถมยังมีรายงานฉบับหนึ่งซึ่งมีข้อมูลที่สอดคล้องกับปรากฏการณ์ดังกล่าว นั่นก็คือราว 1 ใน 3 ของผู้ชายญี่ปุ่นรู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงานมากเกินกว่าที่จะมีเซ็กซ์ และราว 1 ใน 4 ของผู้หญิงญี่ปุ่นก็มองว่าการมีเซ็กซ์เป็นเรื่องที่ไม่น่าสนุกเอาเสียเลย ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ ยังมีผลสำรวจที่เก็บข้อมูลจากหนุ่มสาวอายุ 18-34 ปี แล้วพบว่าจำนวนคนที่ยังเวอร์จิ้นพุ่งสูงขึ้นมากในช่วง10 ปีที่ผ่านมา

ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เราได้เห็นอะไรบ้าง มันสะท้อนให้เราได้เห็นว่าวัฒนธรรมใหม่นี้ที่กำลังก่อตัวขึ้นเป็นวัฒนธรรมกระแสหลักในญี่ปุ่น ซึ่งกำลังจะลุกลามเป็นวัฒนธรรมกระแสหลักของสังคมโลก ที่ทำให้ผู้คนขี้เกียจมีเซ็กซ์ อาจเป็นเพราะโลกใบนี้มันไม่น่าอยู่แล้ว

มันมีมลภาวะเป็นพิษเยอะแยะมากมาย มีแต่ความตึงเครียดกดดันจากการทำงาน จากการแก่งแย่งกันกินแย่งกันใช้ ค่าใช้จ่ายสูง แต่รายได้ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน แถมรัฐบาลของแต่ละประเทศก็ไม่ได้ดำเนินการเพื่อทำให้ความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น นอกเสียจากทำทุกวิถีทางเพื่อให้อำนาจของตนยังคงอยู่

ที่เกาหลีใต้เราคงรู้กันดีว่าค่าครองชีพของที่นี่สูงขึ้นทุกวันๆ คู่รักรุ่นใหม่ที่คิดจะมีลูกจึงคิดแล้วคิดอีก แค่จะมีบ้านหลังใหม่เพื่อให้เป็นฐานรากอันแสนมั่นคงของครอบครัวยังคิดแล้วคิดอีกจนหัวหมุน เนื่องจากราคาบ้านพร้อมที่ดินมีราคาพุ่งสูงขึ้นมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นับประสาอะไรกับพ่อแม่รุ่นใหม่ที่เมื่อมีลูกได้ ก็ขอมีแค่ 1 คนเท่านั้น

คำโบราณที่ว่ามีลูก 1 คนจนไป 7 ปี อาจเป็นคำโบราณที่ใช้งานไม่ได้แล้วในยุคสมัยนี้ เพราะทุกค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับลูก 1 คน ที่เริ่มต้นตั้งแต่ลูกอยู่ในท้องจนลืมตาดูโลก มันแพงขึ้นเรื่อยๆ จนพ่อแม่รุ่นใหม่แทบจะแบกรับไม่ไหว

กลายเป็นความเครียดที่เมื่อผสมผสานไปกับความเครียดจากการทำงาน ที่ชั่วโมงการทำงานต่อวันยาวนานขึ้น จนไม่มีเวลาพักผ่อน เลยทำให้ถ้ามีลูก มีคนเดียวพอ แม้รัฐบาลจะทุ่มงบประมาณและกระตุ้นทุกวิถีทางเพื่อให้พ่อแม่รุ่นใหม่มีลูกเพิ่มขึ้นอีกสักคนสองคน ก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์เลวร้ายนี้ดีขึ้นมา

แต่ทุกปัญหาก็อาจจะพอมีทางออก (บ้าง) โดยบีบีซีเจ้าเก่าเจ้าเดิมก็ได้เผยทางออกเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในประเทศรัสเซีย มีผู้บริหารท้องถิ่นของเมืองอุลยานอฟสค์ทางตะวันออกของกรุงมอสโก เขาได้พยายามแก้ไขปัญหาประชากรลดลงด้วยการประกาศให้วันที่ 12 ก.ย.ของทุกปี เป็น “วันแห่งการปฏิสนธิ” เพื่อให้ประชาชนได้หยุดอยู่บ้านเพื่อปั๊มลูกโดยเฉพาะ

ว่ากันว่าหากคู่รักคู่ใดให้กำเนิดเด็กน้อยในอีก 9 เดือนต่อมา คู่รักคู่นั้นก็จะได้รับของสมนาคุณที่ก็ดูเข่าท่าดีอยู่ไม่ใช่น้อย เช่น กล้องถ่ายวิดีโอ ตู้เย็น และเครื่องซักผ้า เป็นของรางวัลแห่งความทุ่มเทในการเพิ่มประชากรให้แก่เมืองของตน

หรือจะเป็นที่เดนมาร์ก ที่คนในประเทศหันมาท่องเที่ยวกันมากขึ้น จนเป็นผลที่ว่าได้ลูกน้อยมาก็จากการออกจากบ้านไปท่องเที่ยวนี่แหละ โดยมีผลการศึกษายืนยันจากบริษัทท่องเที่ยว Spies Travel ที่พบว่าชาวเดนมาร์ก 46% มีกิจกรรมทางเพศเพิ่มมากขึ้นจากช่วงเวลาที่ได้ออกเดินทางท่องเที่ยว แถม 10% ของทารกน้อยก็ปฏิสนธิกันในช่วงที่พ่อแม่ไม่ได้อยู่บ้านนี่แหละ

บริษัทดังกล่าวก็ได้ทำอะไรเก๋ๆ ขึ้นมา นั่นก็คือการมอบรางวัลเป็นของใช้เด็ก และทริปท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับเด็กให้แก่พ่อแม่มือใหม่ที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าลูกของพวกเขาปฏิสนธิในระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวเป็นเวลา 3 ปี

หันมาที่ประเทศไทย ตอนนี้อัตราการเกิดในสังคมไทยเป็นอย่างไรบ้าง สุขภาพกายและสุขภาพใจของคนรุ่นใหม่เลวร้ายหรือมีความสุขดี และเราคนไทยได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าวนี้อย่างไรบ้าง หากนี่คือคำถาม ก็อยากให้คนไทยทุกคนมีคำตอบและมีทางออก