posttoday

ทปอ.แถลง"ทีแคสปี62" กระชับเวลาคัดเลือกเร็วขึ้นเหลือ 6 เดือน

22 สิงหาคม 2561

ทปอ.มีมติรับรองระบบ "ทีแคสปี62" ปรับเวลาคัดเลือกให้กระชับขึ้นจากเดือน 10 เดือน เหลือ 6 เดือนครึ่ง ตั้งแต่เดือนธ.ค.2561 ถึง กลางเดือนมิ.ย. 2562

ทปอ.มีมติรับรองระบบ "ทีแคสปี62" ปรับเวลาคัดเลือกให้กระชับขึ้นจากเดือน 10 เดือน เหลือ 6 เดือนครึ่ง ตั้งแต่เดือนธ.ค.2561 ถึง กลางเดือนมิ.ย. 2562

เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิบการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) เปิดเผยถึงการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาปี 2562 หรือทีแคส 62 ว่า ทปอ.มีมติรับรองทีแคส 62 แล้ว ซึ่งยังคงเปิดให้มีการคัดเลือกนักเรียนเข้าเรียนต่อระดับอุดมศึกษา 5 รอบ แต่มีการปรับระยะเวลาการคัดเลือกให้กระชับขึ้นจากเดือน 10 เดือน เหลือ 6 เดือนครึ่ง หรือตั้งแต่เดือนธ.ค.2561 ถึง กลางเดือนมิ.ย. 2562 เพื่อลดความเครียดจากผู้ปกครองและตัวนักเรียนเอง

ทั้งนี้ รายละเอียดของทีแคส 62 ยังคงการคัดเลือกรอบที่ 1 หรือการยื่น Portfolio และรอบที่ 2 หรือการรับตรง (โควต้า) ไว้ตามเดิม เพราะเห็นตรงกันว่ามีประโยชน์ต่อทั้งนักเรียนกที่มีผลงานที่น่าสนใจตามความสามารถและความถนัดของตนเอง รวมถึงนักเรียนในพื้นที่ได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยในภูมิลำเนาของตนเอง

"การปรับเปลี่ยนที่สำคัญของทีแคส 62 คือการคัดเลือกรอบ 3 หรือรับตรงร่วมกัน ซึ่งได้รับรูปแบบการยื่นคะแนนสามัญ 9 วิชา แกตแพต และโอเน็ต ให้เป็นการดึงคะแนนจากหน่วยงานเจ้าของข้อมูลโดยตรง ซึ่งรอบนี้ผู้สมัครจะต้องเรียงลำดับคณะวิชา และสถาบัน ทั้งภายในกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย หรือ กสทพ. และนอกกลุ่มกสทพ. ที่ต้องการรวม 6 อันดับ ซึ่งมากกว่าทีแคส 61 ที่สามารถเลือกได้ 4 อันดับ แต่ครั้งนี้ ทปอ.จะประกาศผลการคัดเลือกให้กับผู้สมัครเพียงแค่ 1 อันดับเท่านั้น"นายสุชัชวีร์ กล่าว

นายสุชัชวีร์ กล่าวอีกว่า รูปแบบนี้จะช่วยแก้ปัญหานักเรียนที่มีคะแนนสูงกันที่เรียนนักเรียนคนอื่นๆ และนักเรียนจะมีสิทธิ์เลือกแค่ 1 อันดับหรือ 1 แห่งในแต่ละรอบคัดเลือกเท่านั้น เพื่อให้นักเรียนที่คะแนนลดลงมา มีโอกาสเลือก 1 ใน 6 คณะและสถานบันที่ต้องการมากขึ้น

นอกจากนี้ ในส่วนการคัดเลือกรอบที่ 4 (แอดมิชชั่น) และรอบที่ 5 (รับตรงอิสระ) จะยังคงไว้ตามเดิม เพื่อให้ผู้สมัครมีโอกาสตามสิทธิในการเลือกเข้าเรียนคณะและสถาบันที่ต้องการด้วยองค์ประกอบและเกณฑ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งจะช่วยลดความตึงเครียดจากการแข่งขันของผู้เข้าสมัครที่กระจุกอยู่เพียงบางคณะและบางสถาบันในรอบแรกๆ ลงได้ เพราะเมื่อผู้สมัครได้คณะและสถาบันที่ต้องการแล้ว จะมีการกำหนดระยะเวลาการสละสิทธิ์ในแต่ละรอบคัดเลือกไว้อย่างชัดเจน และการสละสิทธิ์หลังยืนยันสิทธิ์ไปแล้วนั้นเพื่อเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกใหม่ ผู้สมัครจะทำได้เพียงครั้งเดียว ดังนั้น ผู้สมัครจะต้องรอบคอบในการเลือกคณะและสถาบัน

"ยังมีข้อกำหนดอีกบางประการ เช่น การกำหนดจำนวนหน้า Portfolio จะต้องไม่เกิน 10 หน้ากระดาษ​ และผู้สมัครสามารถนำรายละเอียดอื่นๆ มาประกอบได้ในการสัมภาษณ์ ซึ่งจากนี้ ทปอ.จะประสานสถาบันอุดมศึกษาทุกแห่งให้จัดองค์ประกอบ เกณฑ์ และเป้าหมายการรองรับในการคัดเลือกรอบแรกเพื่อให้ผู้สมัครได้รับทราบภายในเดือนต.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่า การปรับแนวทางทีแคส 62 จะช่วยลดปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น"นายสุชัชวีร์ กล่าว

ทั้งนี้ ในส่วนกรอบเวลาการคัดเลือกทีแคส 62 มีการกำหนดรายละเอียดดังนี้ 1.คัดเลือกรอบที่ 1 (Portfolio) ระหว่างวันที่ 1 ธ.ค.2561-31 ม.ค.2562 2.คัดเลือกรอบที่ 2 (โควต้า) ระหว่างวันที่ 21 ม.ค.-25 เม.ย.2562 3.คัดเลือกรอบที่ 3 (รับตรงร่วมกัน ให้เลือก 6 อันดับ รวมถึงสาขาวิชากสทพ.เป็น 1 ใน 6 อันดับด้วย) ระหว่างวันที่ 17 เม.ย.- 15 พ.ค.2562 4.คัดเลือกรอบที่ 4 (แอดมิชชั่น) ระหว่างวันที่ 9 พ.ค.-3 มิ.ย.2562 และ 5.คัดเลือกรอบที่ 5 (รับตรงอิสระ) ระหว่างวันที่ 28 พ.ค.-16 มิ.ย.2562

นอกจากนี้ ในส่วนการสอบสามัญ 9 วิชา แกตแพต และโอเน็ต แบ่งเป็น แกตแพต สอบระหว่างวันที่ 23-26 ก.พ.2562 ประกาศผลวันที่ 1 เม.ย. โอเน็ต สอบระหว่างวันที่ 2-3 มี.ค.2562 ประกาศผลวันที่ 31 มี.ค. และ 9 วิชาสามัญ สอบระหว่างวันที่ 16-17 มี.ค. ประกาศผลวันที่ 5 เม.ย. ซึ่งระหว่างที่มีการสอบ จะไม่ให้สถาบันอุดมศึกษาคัดเลือกกลุ่มนักเรียน ซึ่งจะคาบเกี่ยวในการคัดเลือกรอบที่ 2

นายสุชัชวียร์ กล่าวว่า ยืนยันว่าขณะนี้เก้าอี้การรับเข้าสถาบันอุดมศึกษามีรองรับเพียงพอกับนักเรียนที่สมัคร เพียงแต่นักเรียนต้องรอบคอบในการเลือกมากขึ้น และไม่ใช่การสอบ 5 รอบ แต่เป็นการสอบแค่ครั้งเดียว แต่สามารถเลือกได้ถึง 5 ครั้ง ขณะที่ทปอ. ยังมีมติในการช่วยเหลือในเรื่องค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในการสมัครคัดเลือกรอบที่ 3 ทั้งการเพิ่มสาขาวิชาและลดค่าสมัคร โดยจะลดค่าสมัครลงเหลือสาขาวิชาละ 100 บาท และค่าบริหารจัดการสิทธิ์ส่วนกลาง 50 บาท ซึ่งจะทำให้ผู้สมัครที่เลือกทั้ง 6 อันดับ จะมีค่าใช้จ่ายรวมที่ 650 บาท