กลุ่มชาวพุทธร้องเอาผิด "ผบก.ป." ตั้งข้อหาพระเอี่ยวเงินทอนวัดโดยมิชอบ
ตัวแทนกลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดินร้องเอาผิด "ผู้บังคับการกองปราบฯ" อ้างแจ้งข้อหาพระเอี่ยวทุจริตเงินทอนวัดโดยมิชอบ
ตัวแทนกลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดินร้องเอาผิด "ผู้บังคับการกองปราบฯ" อ้างแจ้งข้อหาพระเอี่ยวทุจริตเงินทอนวัดโดยมิชอบ
เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ที่กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) นายจรูญ วรรณกสิณานนท์ ตัวแทนกลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับทางพนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหากับพล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พร้อมนำหลักฐานเป็นเอกสารเข้าแจ้งความ
นายจรูญ กล่าวว่า จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป.ได้นำกำลังเข้าจับกุมพระสงฆ์หลายรูปในข้อกล่าวหาเงินทอนวัด การใช้เงินผิดประเภท การฟอกเงิน ทั้งได้นำคัวพระสงฆ์เหล่านั้นฝากขังอยู่มนเรือนจำ จนกระทั่งมีการส่งสำนวนคดีสู่ชั้นอัยการ และพนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 1 ได้นำสำนวนคดียื่นฟ้องอดีตพระพรหมดิลก (เอื้อ หาสธมฺโม) อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา อดีตกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) (นายเอื้อน กลิ่นสาลี) และอดีตเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร และอดีตอรรถกิจโสภณ อดีตเลขาเจ้าคณะกรุงเทพ วัดสามพระยา (หรือนายสมทรง อรรถกฤษณ์) เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าหนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่พนักงาน , ร่วมกันฟอกเงินอันเป็นความความผิดตาม พ.ร.บ. ป้องกันปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 กรณีร่วมกันฟอกเงินจากการทุจริตเงินทอนวัดในส่วนอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม
นายจรูญ กล่าวว่า ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่และการเข้าจับกุมพระสงฆ์มีความไม่ชอบด้วยกฎหมายตาม ป.วิอาญามาตรา 90 และการตั้งข้อหากล่าวหาพระสงฆ์ ในข้อหาฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติพ.ศ.2542 มีความไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะว่า พ.ร.บ.การฟอกเงินปี พ.ศ.2542 ได้มีการยกเลิกไปแล้วตอนนี้ประกาศใช้ในพ.ศ.2558 ซึ่งใน พ.ร.บ.ฉบับนี้ระบุว่า ความผิดเกี่ยวกับพรบ.ฟอกเงิน คือมาตรา 3 (2) “ความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ความผิดเกี่ยวกับเพศ ธุระจัดหา ล่อไป พาไป เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เพื่อหากำไร การค้าประเวณี เป็นต้น
นอกจากนี้การตั้งข้อกล่าวหาในฐานความผิด มาตรา 157 นั้น ไม่สามารถกระทำได้ เนื่องจากพระสงฆ์ถือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐดังนั้นการตั้งข้อกล่าวหาเป็นหน้าที่ของผู้ตรวจเงินแผ่นดิน และการจับกุมของเจ้าหย้าที่ตำรวจถือเป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญมาตรา 67 ว่า รัฐพึงอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา และต้องมีมาตรการและกลไกในการป้องกันมิให้มีการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาไม่ว่าในรูปแบบใด ซึ่งการกระทำของพล.ต.ต.ไมตรี เข้าข่ายการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาในรูปแบบของการทำลายบุคคลากร หรือศาสนบุคคลของพระพุทธศาสนา และยังเป็นการทำลายศรัทธาของประชาชนชาวไทยอีกด้วย
นายจรูญ กล่าวว่า ส่วนการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ทำให้นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพระพุทธะอิสระ ซึ่งผู้ต้องหาในคดีปลอมพระปรมาภิไธย ซึ่งเป็นความผิดอาญาร้ายแรงไม่ถูกฟ้องและทำให้ได้รับการปล่อยตัวไป ซึ่งเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความร้องทุกข์