posttoday

ดีเอสไอเผยสรรพากรเก็บภาษี 2 นายทุนดอกโหดชัยภูมิ 230 ล้านบาท

21 สิงหาคม 2561

ดีเอสไอเผยสรรพากรเรียกเก็บภาษี 2นายทุนปล่อยกู้นอกระบบชัยภูมิ 230 ล้านบาท จ่อขยายผลเรียกเก็บภาษีเพิ่มอีก 200 ล้านบาทหลังพบพฤติกรรมเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินเกินอัตราทำชาวบ้านถูกบังคับคดียึดบ้าน-ที่ดินจำนวนมาก

ดีเอสไอเผยสรรพากรเรียกเก็บภาษี 2นายทุนปล่อยกู้นอกระบบชัยภูมิ 230 ล้านบาท จ่อขยายผลเรียกเก็บภาษีเพิ่มอีก 200 ล้านบาทหลังพบพฤติกรรมเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินเกินอัตราทำชาวบ้านถูกบังคับคดียึดบ้าน-ที่ดินจำนวนมาก

เมื่อวันที่ 21 ส.ค. พ.ต.ท.วิชัย สุวรรณประเสริฐ ผู้อำนวยการกองคดีเทคโนโลยีสารสนเทศ ในฐานะรองผอ.ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้กรมสอบสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)เปิดเผยความคืบหน้าการสอบสวนนายทุนที่ปล่อยเงินกู้นอกระบบในพื้นที่ภาคอีสานเพื่อใช้มาตรการทางภาษีดำเนินการทางกฎหมาย ว่า เมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมาพนักงานสอบสวน กองคดีภาษี ได้เรียกนางวิไลพร ไทยงาม และนายธเนศ มะลิทอง ซึ่งเป็นนายทุนเงินที่ปล่อยกู้นอกระบบให้กับชาวบ้านจ.ชัยภูมิและจังหวัดใกล้เคียงให้มารับทราบข้อหาทางอาญา ในความผิดฐานหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีอากร ตามประมวลรัษฎากร หลังจากสอบสวนพบว่ามีพฤติการณ์ปล่อยเงินกู้นอกระบบให้ชาวบ้านโดยเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้ยังให้ลูกหนี้ลงชื่อในเอกสารเพื่อใช้โฉนดที่ดินและทรัพย์สินต่าง ๆ เป็นหลักประกันเงินกู้อีกด้วย

“ หากลูกหนี้รายใดผิดนัดชำระหนี้จะมีการบังคับตามสัญญาประกันจนชาวบ้านที่กู้เงินนอกระบบได้รับความเดือดร้อน หลายรายถูกบังคับคดียึดบ้านและที่ดินเป็นจำนวนมากซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการใช้เงื่อนไขทางกฎหมายเอาเปรียบประชาชนดังนั้น ดีเอสไอจึงต้องใช้มาตรการทางภาษีดำเนินคดีโดยการส่งบัญชีทรัพย์สินของนายทุนดังกล่าวให้กับกรมสรรพากรเพื่อประเมินภาษี”รองผอ.ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้กล่าว

พ.ต.ท.วิชัย กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าบุคคลทั้ง 2 มีบัญชีเงินฝากจำนวนหลายสิบบัญชี และได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินและอสังหาริมทรัพย์มาเป็นจำนวนมากโดยไม่เสียค่าตอบแทนจึงได้ประสานข้อมูลให้กรมสรรพากรประเมินเรียก เก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาภาษีธุรกิจเฉพาะ สำหรับปีภาษี 2550 - 2555  ในล็อตแรกรวม  230 ล้านบาท
และล็อตที่ 2 สำหรับปีภาษี 2556- ปัจจุบันอีกประมาณ 200 ล้านบาทขณะนี้ขั้นตอนอยู่ระหว่างส่งให้กรมสรรพากรทำการประเมินการตรวจสอบภาษีเพิ่มเติมอย่างไรก็ตามหลังจากพนักงานสอบสวนสรุปสำนวนการสอบสวนแล้วเสร็จก็ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการพิจารณาภายในเดือนสค.นี้ส่วนประเด็นความผิดอื่น ๆ จะสอบสวนขยายผลต่อไป

รองผอ.ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้  ยังกล่าวอีกว่าสำหรับการใช้มาตรการทางภาษีเพื่อเอาผิดกับนายทุนเงินกู้นอกระบบนั้นจะมีการขยายผลอย่างต่อเนื่องทั้งกับนายทุนเงินกู้รายใหญ่ที่ปล่อยกู้นอกระบบ5 รายที่ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเบื้องต้นตรวจสอบพบบัญชีทรัพย์สินกว่า 22ล้านบาท และนายทุนเงินกู้ จ.เพชรบูรณ์อีก 2รายขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบที่มาของรายได้ทั้งหมดรวมทั้งนายทุนฯในจังหวัดอื่นๆโดยทั้งหมดหลังจากรวบรวมบัญชีทรัพย์สินเสร็จสินแล้วพบว่าเป็นรายได้ที่เกิดจากเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราหรือใช้ช่องว่างทางกฎหมายเอาเปรียบชาวบ้านดีเอสไอก็จะส่งหลักฐานเพื่อส่งให้กรมสรรพากรตรวจสอบภาษีย้อนหลัง