จดหมายจาก "ประสิทธิ์ชัย" ถึงผู้บริหารม.วลัยลักษณ์ "ควรฉลาดกว่านี้"
อดีตนายกองค์การนักศึกษาม.วลัยลักษณ์ แนะผู้บริหารควรฉลาดในการตอบโต้ หลังถูกวิจารณ์กรณีเอาทหารมาฝึกวินัยเด็ก
อดีตนายกองค์การนักศึกษาม.วลัยลักษณ์ แนะผู้บริหารควรฉลาดในการตอบโต้ หลังถูกวิจารณ์กรณีเอาทหารมาฝึกวินัยเด็กก
ประเด็นคือการแสดงความเห็นนั้นเป็นพื้นฐานของสังคมประชาธิปไตยที่พึงกระทำได้ แต่ในสังคมเผด็จการนั้นจะกระทำมิได้ หรือว่ามหาวิทยาลัยที่ผมจบมานั้นกำลังเข้าสู่เผด็จการ เลียนแบบ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (ซึ่งกำลังจะหมดสภาพ)
เมื่อวันที่ 19 ส.ค. นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม อดีตนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงผู้บริหารมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ กรณีมีกิจกรรมฝึกวินัยจากทหาร
เนื้อหาทั้งหมดระบุว่า
เป็นครั้งแรกที่ผมตั้งใจใช้เฟซบุ๊คตัวเองเขียนถึงมหาวิทยาลัย เพราะว่าผู้บริหารมหาวิทยาลัยป่าวประกาศบางอย่างออกไปเกี่ยวกับศิษย์เก่าบนพื้นที่สาธารณะที่มีคนรับรู้กันอย่างกว้างขวาง
ผมเพิ่งส่งจดหมายลาออกจากนายกสมาคมศิษย์เก่าไปไม่ถึงเดือน และหวังว่าจะไม่ต้องเกี่ยวข้องอันใดอีก
ที่มาของเรื่องนี้เกิดจากการวิพากษ์กระบวนการต่อเนื่องจากการรับน้องในมหาวิทยาลัยซึ่งมีกิจกรรมหนึ่งที่นำเอาทหารมาทำกิจกรรมในเชิงการฝึกวินัย ผมทราบมาว่าที่ทหารมาฝึกนั้นก็เป็นหนึ่งในหลายกิจกรรมที่เกิดขึ้นในวาระนี้
(ตามรูปประกอบ)
ในโลกโซเชี่ยลได้เกิดการวิพากษ์เรื่องนี้กันพอสมควรว่านำทหารมาฝึกวินัยนักศึกษาใหม่นั้นถูกต้องหรือไม่ เมื่อเกิดกระแสวิพากษ์ก็มีศิษย์เก่ามาแสดงความเห็นทั้งเชิงการตั้งคำถามและการแสดงความไม่เห็นด้วย ผมเองเฝ้าดูและคร้านจะสนใจ
แต่เมื่อเช้านี้มีคนส่งข่าวมาว่า ผู้บริหารมหาวิทยาลัยตอบโต้ศิษย์เก่าด้วยการพูดในงานหนึ่งซึ่งมีคนรับรู้จำนวนมาก บางคนบอกผมว่างานนี้มีการ live สด นั่นหมายถึงว่ามีการรับรู้กันเป็นจำนวนมากด้วยคำพูดของผู้บริหารมหาวิทยาลัยว่า
'ศิษย์เก่าเลวๆ ทำตัวเลวๆ ให้ร้ายมหาวิทยาลัย'
ประเด็นคือการแสดงความเห็นนั้นเป็นพื้นฐานของสังคมประชาธิปไตยที่พึงกระทำได้ แต่ในสังคมเผด็จการนั้นจะกระทำมิได้ หรือว่ามหาวิทยาลัยที่ผมจบมานั้นกำลังเข้าสู่เผด็จการ เลียนแบบ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (ซึ่งกำลังจะหมดสภาพ)
คำพูดของผู้บริหารนั้นสะท้อนวิธีคิดในการที่จะสร้างและนำพามหาวิทยาลัยไปสู่การฟูมฟักนักศึกษาเพื่อให้พลเมืองในอนาคตเติบโตตอบสนองต่อสังคม การเติบโตทางวัตถุและอาคารสถานที่จะมีประโยชน์อะไรหากว่าไม่นำไปสู่การเติบโตทางปัญญาของนักศึกษา เพราะการเติบโตทางทักษะวิชาชีพอย่างเดียวนั้น มันนำสังคมเราไปสู่อะไร จากการมีมหาวิทยาลัยในประเทศนี้มากี่ปีแล้ว
ผมหวังว่าผู้บริหารจะมีสติกันมากกว่านี้ ฉลาดพอในการรับมือกับสถานการณ์ ปริญญาเอกและตำแหน่งทางวิชาการไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันอันใดว่าพวกคุณจะฉลาดพอในการทำหน้าที่สร้างพลเมืองของประเทศ การมีสติรู้จักรับฟังเข้าใจความหลากหลายต่างหากที่จะทำให้เป้าหมายการผลิตคนบรรลุผลที่ท่องจำกันมานานว่า 'คนดีและคนเก่ง'
ผมเชื่อว่าจะมีคนปริ้นข้อความนี้ไปให้ผู้บริหารอ่าน และผมก็นึกหน้าคน๓- ๔คนนั้นออกว่าทำหน้าที่ ยุยง ตลอดมา มหาวิทยาลัยจะไปไม่รอดกับพวก ๓-๔ ตัวนี้แหละ
มหาวิทยาลัยนี้ตั้งขึ้นมาเพื่อทำให้คนฉลาดในการนำพาประเทศ ไม่ใช่สอนให้คนเป็นเครื่องจักรทางวิชาชีพ
ทำตามผู้นำ ชาติเจริญ- แนวคิดนี้สมควรตายไปได้แล้วครับ
ภูมิสถาปัตย์ที่สวยงามขึ้นของมหาวิทยาลัย ควรต้องควบคู่กับการสวยงามแห่งสติปัญญา ของนักศึกษาด้วย อย่าเห็นพวกเขาเป็นวัตถุดิบที่พอป้อนเข้าสู่เครื่องจักรแล้ว มันจะสำเร็จรูปอย่างที่ผู้บริหารต้องการ
หวังว่าผู้บริหารทั้งหลายจะเติบโตกันมากกว่านี้
ประสิทธิ์ชัย หนูนวล
อดีตนายกองค์การนักศึกษา
----------------------------------
ที่มาเฟซบุ๊ก ประสิทธิ์ชัย หนูนวล