สลด!พบซากกระทิงทุ่งใหญ่ฯตายเพิ่มอีก 2 ตัว รวมเป็น 8 ตัว

พบซากกระทิงทุ่งใหญ่ฯ เพิ่มอีก 2 ตัว รวมเป็น 8 ตัวแล้ว ขณะ จนท.เข้าเผาทำลายซากกระทิงแม่-ลูก คาดพลัดตกหน้าผาสูงขณะข้ามลำห้วยรันตี เหตุน้ำป่าไหลหลาก

เมื่อวันที่ 18 ส.ค. ความคืบหน้ากรณีพบซากกระทิง สภาพผิวหนังเปื่อยขึ้นอืด บริเวณลำห้วยรันตี พื้นที่บ้านกองม่องทะ หมู่ 2 ต.ไล่โว่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี รวมจำนวน 6 ตัว ซึ่งเป็นพื้นที่คาบเกี่ยวระหว่างเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกและอุทยานแห่งชาติเขาแหลม เมื่อวันที่ 15 ส.ค.และต่อเนื่องถึงวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา นั้น นายภาณุวัฒน์ พันธุ์ชนะ ผู้ช่วยหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าท่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี ร.ต.อาคม มงคลนำ ผบ.มว.ลว.ที่ 1 ฉก.ลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ ได้เดินทางเข้าพื้นที่เพื่อเผาทำลายซากกระทิงที่เหลือจำนวน 2 ตัว ด้วยวิธีการเผาทำลายในจุดที่พบซาก ซึ่งก่อนหน้านี้สามารถดำเนินการทำลายไปได้เพียง 4 ตัวเท่านั้น เนื่องจากในพื้นที่มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับตรวจสอบย้อนทวนน้ำขึ้นไปตามลำห้วยรันตีอีกครั้ง เพื่อที่จะสำรวจว่ายังมีซากกระทิงหลงเหลืออยู่อีกหรือไม่

จากนั้นได้เดินทางลงพื้นที่โดยเรือหางยาวของชาวบ้าน ซึ่งมีความชำนาญในการขับเรือ เนื่องจากระดับที่สูงขึ้นทำให้กระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก มีคลื่นสูง ประกอบกับในช่วงเช้ามีฝนตกอย่างต่อเนื่องทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นมาก ซึ่งทำให้ไม่สามารถนำเรือเข้าถึงพิกัดที่มีพบซากกระทิงได้ จึงจำเป็นต้องจอดเรือ และลงเดินเท้าต่อเป็นระยะทางกว่า 500 เมตร เมื่อไปถึงปรากฏว่า พบซากกระทิงเพิ่มอีก 2 ตัว บริเวณจุดเดียวกับที่พบซากกระทิงแม่-ลูก ตัวที่ 5 และ 6 บริเวณ ปล่องผ่าเล ซึ่งอยู่ห่างขึ้นไปจากหมู่บ้านกองม่องทะ ประมาณ 4 - 5 กม. ซึ่งซากกระทิงที่พบลอยติดอยู่กับกองเศษไม้กลางน้ำและริมลำห้วย ทั้งหมดมีสภาพขึ้นอืด

นายภาณุวัฒน์ เปิดเผยว่า ขณะที่เดินทางลงพื้นที่ในช่วงเช้าเพื่อเผาทำลายซากกระทิงแม่-ลูก ขณะนั้นยังไม่พบซากกระทิงตัวที่ 7 - 8 ซึ่งคาดว่าน่าจะลอยมาใหม่หลังจากที่ระดับน้ำในลำห้วยสูงขึ้นภายหลังจากที่มีฝนตกหนักตลอดทั้งคืนจนถึงช่วงเช้าที่ผ่านมา และมีความเป็นไปได้ที่อาจจะพบซากกระทิงเพิ่มอีก เนื่องจากคำบอกเล่าของชาวบ้านกระทิงฝูงน่าจะมีจำนวน 15-20 ตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้เฝ้าสังเกตการณ์ต่อไป

ด้าน วิเชียร ชินวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี ได้สั่งการให้ทำลายซากกระทิงทั้งหมดเนื่องจาก ซากที่พบอยู่ในน้ำและริมน้ำ รันตี หวั่นจะเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคในแม่น้ำรันตี ภายหลังจากที่สัตวแพทย์หญิง กนกวรรณ ตรุยานนท์ นายสัตวแพทย์ชำนาญการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ เจ้าหน้าที่กองร้อย ตชด.ที่134 รวมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอสังขละบุรี และผู้นำชุมชนบ้านกองม่องทะ ได้ร่วมกันเข้าตรวจพิสูจน์ซากกระทิง ซึ่งซากกระทิงทั้ง 6 มีสภาพเดียวกันคือ ขึ้นอืด ส่งกลิ่นเน่าเหม็น ขนตามลำตัวหลุดร่วงเกือบทั้งหมด ปลอกเขาหลุดหาย โดยที่โคนเขามีสภาพราบเรียบ ไม่มีร่องรอยการใช้มีดหรือของมีคมตัดหรือตอกหรือแซะปลอกเขากระทิงออกแต่อย่างใด สันนิษฐานว่า ถูกความแรงของกระแสน้ำป่าที่ไหลเชี่ยวกรากพัดให้กระแทกกับโขดหิน ขอนไม้ เศษสวะ ทำให้ปลอกเขาหลุดหายไปกับกระแสน้ำ ตรวจสอบที่ลำตัวไม่พบร่องรอยการถูกล่าหรือถูกยิงด้วยอาวุธปืน คาดว่าตายมาแล้วประมาณ 3-5 วัน โดยสัตวแพทย์ได้ผ่าตรวจพิสูจน์ซาก พบว่า มีดินตะกอนทรายจำนวนมากอุดตันอยู่ในหลอดลม และได้เก็บตัวอย่างอวัยวะภายในส่งตรวจยังห้องปฏิบัติการเพื่อหาสาเหตุการตายแล้ว

คณะเจ้าหน้าที่ร่วมกันพิจารณาแล้วเห็นว่า ซากกระทิงจำนวน 6 ตัวดังกล่าว ไม่มีร่องรอยการถูกยิงด้วยอาวุธปืนแต่อย่างใด จุดที่พบซากอยู่ในลำห้วยรันตีซึ่งเป็นลำน้ำแบ่งแนวเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกและอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ซึ่งมีความคาบเกี่ยวติดต่อกัน โดยตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค. ที่ผ่านมา ถึงปัจจุบัน ท้องที่ดังกล่าวมีฝนตกหนักต่อเนื่องกันหลายวัน เนื่องจากอิทธิพลของพายุดีเปรสชั่นเซินติญ ทำให้เกิดภัยพิบัติน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลันและดินโคลนถล่ม โดยจังหวัดกาญจนบุรี ได้ประกาศให้ท้องที่หมู่บ้านกองม่องทะ เป็นเขตภัยพิบัติน้ำท่วม เบื้องต้นคาดว่า กระทิงทั้งหมดอาจพลัดตกระหว่างเดินข้ามแม่น้ำรันตี ซึ่งช่วงที่กระทิงเดินข้ามนั้นเป็นต้นน้ำ ซึ่งมีลักษณะเป็นน้ำตกที่มีหน้าผาสูงประมาณ 100 เมตร และมีสภาพพื้นที่เป็นหินลื่น ประกอบกับน้ำไหลเชี่ยว เนื่องจากในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา มีฝนตกหนักในพื้นที่ จนทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากบริเวณดังกล่าว จึงอาจเป็นเหตุให้กระทิงพลัดตกน้ำลงมาตายในที่สุด

อย่างไรก็ตามจะได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบบริเวณจุดที่คาดว่าน่าจะเป็นจุดเกิดเหตุที่กระทิงดังกล่าวพลัดตกลงมาตาย ตามข้อสันนิษฐานว่า ขณะกระทิงเดินข้ามแม่น้ำรันตีไป-มา ระหว่างโป่งร้อนกับเขาเอเหม่ ซึ่งเส้นทางหากินของกระทิงฝูงนี้ โดยจุดดังกล่าวเป็นต้นน้ำ มีลักษณะเป็นน้ำตกที่มีหน้าผาสูงประมาณ 100 เมตร และมีสภาพพื้นที่เป็นหินลื่น ประกอบกับในช่วงนี้มีกระแสน้ำไหลเชี่ยว เนื่องจากน้ำป่าไหลหลาก และมีระดับน้ำสูงกว่าปกติมาก เป็นสาเหตุให้กระทิงทั้ง 8 ตัวเสียชีวิตดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่าการสันนิษฐานสาเหตุการตายจะถูกต้องตรงกับความเป็นจริงมากที่สุด

สำหรับกระทิงฝูงดังกล่าวจะอาศัยและหากินอยู่ที่บริเวณผืนป่าในแถบนั้นมานานแล้ว ซึ่งมีอยู่ประมาณ 15-20 ตัว อดีตที่ผ่านมาก็เคยพบกระทิงตายในลักษณะเช่นนี้มาแล้ว แต่มีจำนวนไม่มากเท่าในครั้งนี้ ซึ่งคาดว่าอาจเป็นไปได้ที่จะพบซากกระทิงเพิ่มอีก