posttoday

ฝากขัง"บูม จิรัชพิสิษฐ์" ค้านประกัน

10 สิงหาคม 2561

กองปราบ คุมตัว นักแสดงหนุ่ม "บูม จิรัชพิสิษฐ์" ฝากขัง คัดค้านการประกันตัว เตรียมออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการเพิ่ม 5-6 ราย

กองปราบ คุมตัว นักแสดงหนุ่ม "บูม จิรัชพิสิษฐ์" ฝากขัง คัดค้านการประกันตัว เตรียมออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการเพิ่ม 5-6 ราย

เมื่อวันที่  10 ส.ค. ตำรวจกองปราบปรามเบิกตัว นายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือบูม อายุ 27 ปี ดารานักแสดง ชาว จ.ชลบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1694/2561  ลง 26  ก.ค.2561 ข้อหาร่วมกันฟอกเงิน ออกจากห้องคุมขัง เพื่อนำตัวส่งฝากขังผัดแรกยังศาลอาญา ทั้งนี้ก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่จะควบคุมตัว นายจิรัชพิสิษฐ์ ไปฝากขังนั้น ได้มีกลุ่มเพื่อนเดินทางเข้าเยี่ยมและพูดคุย นายจิรัชพิสิษฐ์ ที่บริเวณหน้าห้องควบคุม โดยตลอดการถูกควบคุมตัวตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา นายจิรัชพิสิษฐ์ ยังคงยืนกรานให้การปฎิเสธ  และยืนยันตามคำให้การเดิมคือไม่มีส่วนรู้เห็น โดยอ้างว่าบัญชีดังกล่าวถูกพี่ชายนำไปใช้  อย่างไรก็ตามทางพนักงานสอบสวนได้ยื่นคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากมีมูลค่าความเสียหายสูงเกรงจะหลบหนี

พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) กล่าวว่า น.ส.สุพิชฌาย์ จารวิจิต  พี่สาวของนายบูมผู้ต้องหาในคดีเดียวกัน เบื้องต้นได้ประสานผ่านคนกลางติดต่อเข้ามาเพื่อขอสอบถามเรื่องการเข้ามอบตัวและรายละเอียดเกี่ยวกับหลักทรัพย์ในการขอยื่นประกันตัว แต่ยังไม่ได้มีการระบุวันเวลาสถานที่ในการเข้ามอบตัว อย่างไรก็ตามสำหรับตัว น.ส.สุพิชย์ฌา นั้นเบื้องต้นจากการตรวจสอบยังไม่พบข้อมูลว่ามีการหลบหนีออกนอกประเทศ

ด้าน พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รองผบก.ป. หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีนี้ กล่าวว่า ตำรวจพบข้อมูลมากพอที่เชื่อว่าน่าจะสามารถออกหมายจับผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมได้อีกประมาณ 5-6 คน ในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ ซึ่งทั้งหมดนี้ยืนยันว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ขณะที่ในส่วนของตัว นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ บุคคลที่มีชื่อเสียงในตลาดหลักทรัพย์ ที่ได้เดินทางมาเข้าพบเมื่อวานที่ผ่านมานั้น เป็นการเข้าชี้แจ้งที่เรื่องราวดังกล่าวโดยอ้างว่าตนเองตกเป็นเหยื่อของขบวนการนี้เช่นเดียวกัน แต่จากการสืบสวน รวบรวมหลักฐานเจ้าหน้าที่ตำรวจพบข้อมูลที่เชื่อได้ว่า นายประสิทธิ์ อาจจะมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้อง ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน

พ.ต.อ.ชาคริต กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จากการตรวจสอบบริษัททั้ง 3 แห่งที่กลุ่มผู้ต้องหาหลอกให้ผู้เสียหายซื้อหุ้นร่วมลงทุน ซึ่งมีการเปิดทั้งในประเทศไทยและที่ฮ่องกง นั้นพบว่า นายปริญญา  ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทดังกล่าวจริง อีกทั้งจากการตรวจสอบทะเบียนการค้าทั้งสามบริษัท ยังพบว่ามีคนในตระกูลจารวิจิตร เข้าไปมีส่วนร่วมด้วย และบางบริษัทที่มีการแอบอ้างกับผู้เสียหายนั้นไม่มีตัวตนจริง นอกจากนี้ยังมีบริษัทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายดังกล่าวอีกหลายบริษัท ซึ่งตำรวจกองปราบปรามอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบว่า นายปริญญา เคยมีประวัติถูกออกหมายจับในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ ในพื้นที่ สน.วัดพระยาไกร อีกด้วย

ฝากขัง"บูม จิรัชพิสิษฐ์" ค้านประกัน