posttoday

ผู้ต้องหาร่วมฆ่าเศรษฐีโรงเกลือมอบตัวสู้คดี อ้างถูกผู้บงการตัวจริงโยนความผิดให้

07 สิงหาคม 2561

ผู้ต้องหาร่วมฆ่าเศรษฐีโรงเกลือเข้ามอบตัวกองปราบ ยืนยันไม่เกี่ยวข้องพร้อมแฉผู้บงการตัวจริงโยนความผิดมาให้

ผู้ต้องหาร่วมฆ่าเศรษฐีโรงเกลือเข้ามอบตัวกองปราบ ยืนยันไม่เกี่ยวข้องพร้อมแฉผู้บงการตัวจริงโยนความผิดมาให้

เมื่อวันที่ 7 ส.ค. นางมณีรัตน์ โกทันย์ อายุ 65 ปี ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) เพื่อเข้ามอบตัวสู้คดีหลังตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสระแก้ว ที่ 85/2561 ลงวันที่ 9 เม.ย.2561 ตามความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันช่วยเหลือผู้กระทำผิด โดยการให้ที่พำนักหรือที่ซ่อนเร้นเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม

ทั้งนี้เนื่องจากแนวทางการสืบสวนของชุดคลี่คลายคดีดังกล่าวพบหลักฐานที่ทำให้เชื่อว่า นางมณีรัตน์ น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีที่มีกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธมีดแทงนายพิพัฒน์ ตั้งพงศ์ทอง หรือ เฮียกวง และน.ส.สายันต์ จันทาหรือ เจ๊สายันต์ สามีภรรยาเศรษฐีตลาดโรงเกลือเสียชีวิตภายในบ้านพัก ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2561 ที่ผ่านมา โดยหลังเกิดเหตุพลว่า นางมณีรัตน์ได้เดินทางไปที่ประเทศเพื่อนบ้าน

นางมณีรัตน์ กล่าวว่า ขอยืนยันว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด แต่ถูกใส่ร้ายจากผู้ที่เป็นคนอยู่เบื้องหลัง ส่วนกรณีที่ไปอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้านนั้นตนเพียงเดินทางไปทำธุรกิจ ไม่ได้มีเจตนาที่จะหลบหนี กระทั่งต่อมาได้ทราบข่าวจากน้องว่าถูกออกหมายจับในคดีจ้างวานฆ่า ซึ่งก็รู้สึกตกใจเนื่องจากไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่เคยรู้จักกับคนตาย อีกทั้งยังไม่เคยมีความโกรธแค้นหรือเคยทำธุรกิจร่วมกัน

นางมณีรัตน์ กล่าวว่า ต้องการมาทวงถามหาความยุติธรรม เพราะมั่นใจว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว รู้สึกสงสัยเหมือนกันว่าเพราะเหตุใดทำไมถึงถูกออกหมายจับในคดีนี้

"ที่ผ่านมาเคยได้ยินแต่คำว่า"แพะ" และเพิ่งจะรู้ว่า"แพะ" เป็นอย่างไรเพราะตอนนี้มันคือตัวเรา"นางมณีรัตน์ กล่าว

นางมณีรัตน์กล่าวว่า สำหรับสาเหตุที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาออกหมายจับตนเองนั้น เนื่องจากตนกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังและคนร้ายที่แท้จริงนั้นรู้จักกันมาประมาณ 7 ปีและเคยได้มีโอกาสพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องขอยืมเงินจำนวน 1 ล้านเพื่อจะนำมาเป็นเงินลงทุนในการเลือกตั้ง ส่วนรายละเอียดนั้นยังไม่ขอเปิดเผย โดยจะให้การกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน

ทั้งนี้ยอมรับว่ารู้จักกับผู้อยู่เบื้องหลังคนนี้มาตั้งแต่ปี 2554 เนื่องจากเคยช่วยเหลือในด้านการหาเสียงเลือกตั้งระดับท้องถิ่น แต่ไม่คิดว่าจะถูกโยนความผิดมาให้

นางมณีรัตน์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ในระหว่างการพูดคุยทางการเมือง ตนเคยได้ยินผู้ที่อยู่เบื้องหลังรายนี้พูดเกี่ยวบ้านของผู้ตายว่าหากมีความจำเป็นก็จะต้องฆ่า ซึ่งตนก็ไม่กล้าที่จะถามข้อมูลต่อ

อย่างไรก็ดีหลังจากเกิดเหตุได้รับการติดต่อจากผู้อยู่เบื้องหลังว่าไม่ให้ข้ามกลับมาจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยอ้างว่าตนถูกดำเนินคดีทางการเมือง หากกลับมาจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารจับกุม และยังยื่นข้อเสนอว่าจะส่งค่าดูแลระหว่างที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนจะมาทราบในภายหลังว่าตัวผู้บงการคนดังกล่าวได้ใส่ร้ายว่าตนเป็นคนก่อเหตุ

ทั้งนี้ภายหลังจากการเข้ามอบตัวกับตำรวจกองปราบแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้นำตัวนางมณีรัตน์ส่งให้กับพนักงานสอบสวน สภ.คลองหาด จ.สระแก้ว เจ้าของคดีเพื่อนำตัวไปดำเนินการทางกฎหมายต่อไป