posttoday

สทนช.เผย115เขื่อนน้ำเกินเกณฑ์ตั้งศูนย์ฉก.บริหารเบ็ดเสร็จ

03 สิงหาคม 2561

"นายกฯ"สั่งตั้งศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤตรับสถานการณ์ 115 เขื่อนน้ำเกินเกณฑ์สั่งเร่งระบายกำชับทำแผนที่ได้รับผลกระทบให้ชัดมอบปภ.แจ้งประชาชน

"นายกฯ"สั่งตั้งศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤตรับสถานการณ์ 115 เขื่อนน้ำเกินเกณฑ์สั่งเร่งระบายกำชับทำแผนที่ได้รับผลกระทบให้ชัดมอบปภ.แจ้งประชาชน

นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)  กล่าว ว่าขณะนี้เป็นห่วง 3 เขื่อนใหญ่คือเขื่อนน้ำอูน มีน้ำ 102%  สกลนคร เขื่อนแก่งกระจาน เพชรบุรี มีน้ำ  82%  และเขื่อนวชิราลงกรณ์   83%  และปรานบุรี 79%  ที่จำเป็นต้องระบายเร่งด่วน เพื่อให้น้ำกลับมาอยู่ควบคุมการระบายภายใน 5-10 วัน   และให้แจ้งประชาชนท้ายน้ำในพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบรับทราบ โดยในเขื่อนปรานบุรีจะมีการพร่องน้ำเพิ่มเป็น  43 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.)ต่อวันโดยทยอยเพิ่มจากแผนที่จะเพิ่มเป็น  34ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.)ทั้งนี้ให้แจ้งเตือนประชาชนแพต่างๆในลำน้ำ

ทั้งนี้ได้ให้กรมชลประทานทำแผนระบายน้ำในอ่างเก็บน้ำในภาคตะวันออกเฉียงเหนือใน11 อ่างที่มีปริมาณน้ำมากกว่า80-100%โดยให้ทำรายละเอียดในเรื่องของพื้นที่ได้รับผลกระทบมาด้วยว่าจะเป็นพื้นที่ใด ปริมาณน้ำสูงเท่าไหร่  ตามที่ นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี สั่งการ  และเพื่อให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)ใช้ในการแจ้งเตือนประชาชน ตามที่กรมชลประทานได้ทำมา แบ่งเป็น เขื่อน ขนาดใหญ่ 12 แห่ง และขนาดกลาง 103 แห่ง รวม 115 แห่ง

นอกจากนั้น  สทนช. ได้ออกคำสั่งที่ 216/2561 ลงวันที่ 2 ส.ค. 2561 เรื่อง จัดตั้ง “ศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤต” ขึ้น  ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีบัญชาให้เปิดศูนย์เฉพาะกิจติดตามสถานการณ์น้ำตลอด 24 ชั่วโมง โดยอำนาจการตัดสินใจอยู่ที่ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี  เนื่องจากขณะนี้หลายพื้นที่ของประเทศไทยเริ่มมีน้ำหลาก ประกอบกับอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางหลายแห่ง มีปริมาณน้ำมากกว่าเกณฑ์ควบคุมที่กำหนดไว้ ดังนั้น เพื่อเป็นการดำเนินการเชิงป้องกัน และไม่ให้เกิดความเสียหายที่เกิดจากน้ำ ทั้งลุ่มน้ำภายในประเทศ และลุ่มน้ำระหว่างประเทศ ให้เป็นเอกภาพในการอำนวยการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า ได้ลงพื้นที่เขื่อนน้ำอูน และสั่งกรให้มีการเร่งระบายน้ำผ่านระบบชลประทาน ลงแม่น้ำสงครามและแม่น้ำโขง และติดตั้งกาลักน้ำ เพิ่มเป็น  26 ชุดระบายน้ำเพิ่มได้ 4.15 ล้านลบ.ม.ต่อวัน จากที่น้ำล้นสปินเวย์วันละ 1.2 ล้านลบ.ม.ต่อวันเพื่อให้ระดับน้ำกลับมาอยู่ในเกณฑ์ควบคุม ยืนยันว่าเขื่อนน้ำอูนแข็งแรงดี

สำหรับปริมาณน้ำในเขื่อนทั่วประเทศกรมชลประทานรายงานว่า  อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำสูงกว่าเกณฑ์บริหารน้ำระดับสูง หรือ Upper Rule Curve  และมีมากว่า  80% ขึ้นไป ณ  วันที่ 2 ส.ค. 2561  จำนวน  12 เขื่อนประกอบด้วย เขื่อนน้ำอูน เขื่อนแก่งกระจาน เขื่อนวชิราลงกรณ เขื่อนปรานบุรี  น้ำที่เกินเกณฑ์คุมคือ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล  เขื่อนสิริกิติ์ น้ำพุง จุฬาภรณ์ อุบลรัตน์ ลำปาว สิริธร ป่าสักชลสิทธิ์