posttoday

เตือนภาคเหนือ-อีสาน-กลางเจอฝนหนัก11-15ก.ค.นี้

11 กรกฎาคม 2561

กรมชลฯเตรียมรับมือฝนตกหนัก 11 – 15 ก.ค. นี้ในพื้นที่ภาคเหนือ-อีสาน-กกลาง-ตะวันอก เฝ้าระวังน้ำท่วมใกล้ชิด

กรมชลฯเตรียมรับมือฝนตกหนัก 11 – 15 ก.ค. นี้ในพื้นที่ภาคเหนือ-อีสาน-กกลาง-ตะวันอก เฝ้าระวังน้ำท่วมใกล้ชิด

นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า กรมได้เตรียมความพร้อมในการรับมือฝนตกหนัก ตามที่ประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งเตือนฝนตกหนักบริเวณประเทศไทยและคลื่นลมแรง ในช่วงวันที่ 11 – 15 ก.ค. 2561 ซึ่งจะมีฝนตกชุกหนาแน่นกับมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือภาคกลาง และภาคตะวันออก ส่วนภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้

กรมชลประทาน จึงได้กำชับเจ้าหน้าที่โครงการชลประทานทั่วประเทศ ให้เฝ้าระวังและติดตามสภาพฝนอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำ ที่อาจมีผลกระทบต่อพื้นที่ต่างๆโดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมเดิม พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ในพื้นที่หากเกิดฝนตกหนักสามารถเข้าไปแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งได้กำชับให้ตรวจสอบอาคารและระบบชลประทาน ให้สามารถรองรับสถานการณ์น้ำได้อย่างเต็มศักยภาพตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละช่วงเวลา รวมทั้งบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุมอย่างเคร่งครัด

สำหรับพื้นที่ที่เคยเกิดน้ำท่วมเป็นประจำนั้น ให้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเครื่องมืออื่นเตรียมพร้อมไว้ด้วยแล้ว โดยเตรียมพร้อมเครื่องจักร เครื่องมือต่างๆ กรมชลประทาน ได้มีการเตรียมพร้อม เครื่องสูบน้ำ 1,851 เครื่องเครื่องผลักดันน้ำ 317 ชุด เครื่องกำเนิดไฟฟ้า 82 เครื่อง เรือขุด 32 ลำ รถขุด 161 คัน รถแทรกเตอร์ 35 คันรถบรรทุก/ยานพาหนะ 324 คัน และสะพานเหล็กแบบถอดประกอบได้ 1 ชุด(สำรองไว้ที่ภาคใต้)กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ รวมทั้งสิ้น 2,803 หน่วย ที่จะสามารถเข้าไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมได้อย่างทั่วถึงและ ทันต่อเหตุการณ์

นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำให้ทุกโครงการชลประทาน บูรณาการทำงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ฝ่ายความมั่นคง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชน ให้เตรียมรับมือสถานการณ์น้ำได้อย่างทันท่วงทีหากเกิดสถานการณ์น้ำหลากขึ้นในพื้นที่จึงขอให้พี่น้องประชาชนเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ของตนอย่างใกล้ชิดด้วย