เร่งฟื้นฟูถ้าหลวงคืนสภาพเดิมบูมเป็นแหล่งท่องเที่ยว

นายกฯสั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งฟื้นฟูถ้ำหลวงให้ระบบนิเวศกลับมาเป็นปกติ พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว

หลังสิ้นสุดภารกิจนำตัวทีมหมูป่าทั้ง 13 ชีวิต ออกจากวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งฟื้นฟูถ้ำหลวงให้ระบบนิเวศกลับมาเป็นปกติ ส่วนจะผลักดันให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวนั้นจำเป็นต้องทำให้เกิดความปลอดภัย เพื่อที่วันข้างหน้าจะได้พัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกมาเยือน

การพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวจะต้องหามาตรการป้องกันการเข้าออก ไม่ควรเข้าไปในฤดูน้ำ อีกทั้งยังต้องมีมาตรการอื่นๆ เหมือนกับต่างประเทศ เช่น ระบบไฟฟ้า ระบบแจ้งเตือน บันได ป้ายแจ้งเตือน เป็นต้น เชื่อว่าสถานที่แห่งนี้จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในอนาคต ขณะเดียวกันได้ย้ำไปยังหน่วยงานในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น อบต. อบจ. เทศบาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้หามาตรการที่เหมาะสมเพื่อรองรับการ ท่องเที่ยวในอนาคต

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า เรื่องถ้ำหลวง ตอนนี้ยังมีมาตรการห้ามไม่ให้เข้า เพราะต้องมีการสำรวจทางเข้า-ออก ดูว่าตรงไหนปลอดภัยและไม่ปลอดภัย ต้องมีช่องทางที่เซฟได้ ในเรื่องเวลาเปิด-ปิดถ้ำ เจ้าหน้าที่ต้องเข้มงวด และต้องไปอยู่ประจำในช่วงฤดูฝนซึ่งเป็นฤดูที่อันตราย

"ติดป้ายอย่างเดียวคงไม่ได้ ต้องเขียนทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ติดให้ครบ ส่วนนักท่องเที่ยวจะเข้าไปในถ้ำจะต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ก่อน ถ้าเป็นถ้ำที่เปิดทั่วไปสามารถไปได้ แต่หากเป็นถ้ำที่เป็นลักษณะนี้ก็ต้องขออนุญาตเจ้าหน้าที่ก่อนจะเข้าไป ไม่อย่างนั้นเจ้าหน้าที่ไม่รู้ เพราะมีระยะทางไกล" นายกฯ กล่าว

ด้าน จงคล้าย วรพงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ยังคงปักหลักอยู่บริเวณถ้ำหลวงหลายวันเพื่อช่วยเหลือหน่วยซีลภายในถ้ำ และคอยจัดการเรื่องน้ำที่จะไหลเข้าถ้ำ หลังจากนั้นจะฟื้นฟูพื้นที่ทั้งหมด ทั้งนอกถ้ำและในถ้ำเพื่อให้ระบบนิเวศของถ้ำกลับมาเหมือนเดิม ก็ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะพื้นที่ในถ้ำไม่ได้รับผลกระทบมากนัก

"ผลการสำรวจเพื่อหาโพรงภายนอกถ้ำ จนถึงวันนี้เราก็ยังคงสำรวจอยู่ พบแล้วประมาณ 100 โพรง บางโพรงไปได้ แต่ไปไม่ถึง บางโพรงก็เป็นโพรงตัน แต่ที่เป็นโพรงขนาดใหญ่ หลังจากนี้ต้องทำการอุดให้กลับไปสู่สภาพเดิมมี 3 โพรงด้วยกัน ซึ่งกรมอุทยานฯ เองทำไม่ได้ จึงต้องให้กรมทรัพยากรธรณี ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้เข้ามาช่วยดำเนินการ เพื่อให้สภาพด้านนอกของถ้ำคืนสู่สภาพเดิมให้มากที่สุด" จงคล้าย กล่าว