posttoday

รับคดี "กะเหรี่ยงบิลลี่-บุกรุกอุทยานฯหาดเจ้าไหม"คดีพิเศษ

28 มิถุนายน 2561

กคพ. รับคดี "กะเหรี่ยงบิลลี่-บุกรุกอุทยานฯหาดเจ้าไหม"คดีพิเศษ พร้อมมีมติส่งคืนสำนวนคดีฟอกเงินไร่ส้มให้ ปปง. ชี้ มูลค่าความเสียหาย 200 ล้าน ไม่ส่งผลกระทบภาพรวมเศรษฐกิจ

กคพ. รับคดี "กะเหรี่ยงบิลลี่-บุกรุกอุทยานฯหาดเจ้าไหม"คดีพิเศษ พร้อมมีมติส่งคืนสำนวนคดีฟอกเงินไร่ส้มให้ ปปง. ชี้ มูลค่าความเสียหาย 200 ล้าน ไม่ส่งผลกระทบภาพรวมเศรษฐกิจ

เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ยุติธรรม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ครั้งที่ 1/2561 ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง โดยที่ประชุมกคพ. มีมติให้ความผิดทางอาญาเป็นคดีพิเศษที่ต้องดำเนินการสืบสวนและสอบสวนตามพ.ร.บ.สอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 จำนวน 2 เรื่อง คือ คดีบุกรุกที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม พื้นที่บริเวณเกาะกระดาน ม.2 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง  และคดีการหายตัวไปของนายพอละจี  รักจงเจริญ หรือกะเหรี่ยงบิลลี่  แกนนำชาวบ้านกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย และสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยแม่เพรียง จ.เพชรบุรี ซึ่งหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย.57 ระหว่างถูกเจ้าหน้าที่อุทยานจับกุมในความผิดเก็บของป่าและถูกควบคุมตัวอยู่

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ดีเอสไอได้เสนอสำนวนคดีให้ กคพ.พิจารณา 5 เรื่อง ซึ่งบอร์ด กคพ. มีมติรับไว้เพียง 2 เรื่อง ขณะที่คดีปลอมและสวมบัตรประชาชน และคดีความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ประชุมมีมติไม่รับเป็นคดีพิเศษ สั่งให้สืบสวนเพิ่มเติม ส่วนคดีฟอกเงินจากการทุจริตค่าโฆษณาของบริษัทไร่ส้ม จำกัด มูลค่าความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท บอร์ดกคพ.มีมติให้ดีเอสไอคืนสำนวนให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เนื่องจากบอร์ดกคพ. เห็นว่ามูลค่าความเสียหายน้อย ไม่กระทบต่อภาพรวมของระบบเศรษฐกิจของประเทศ ดีเอสไอไม่ควรรับไว้สอบสวน จึงให้ส่งคืนสำนวนเพื่อให้ตำรวจท้องที่ดำเนินการตามขั้นตอนปกติ

"ส่วนคดีรังเย็นรีสอร์ท บุกรุกป่าในจ.เลย จำนวน 6,700 ไร่ มูลค่าความเสียหายกว่า 680 ล้านบาท ดีเอสไอยังไม่เสนอเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากคดียังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานเอกสารเกี่ยวกับเอกสารสิทธิที่ดิน โดยพบว่าเอกสารบางส่วนสูญหายไปจากส่วนราชการ และนำโดรนขึ้นบินสำรวจภาพถ่ายทางอากาศ นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติตัดลดกฎหมายแนบท้ายพ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเดิมให้ดีเอสไอมีอำนาจสอบสวนคดี 41 ประเภท ตัดลดให้เหลือ 23 ความผิด "แหล่งข่าวระบุ

สำหรับเหตุผลที่มีมติให้รับคดีของนายพอละจี เนื่องจากรัฐบาลไทยถูกองค์กรต่างประเทศโจมตีว่าไม่สามารถดำเนินการกับนักสิทธิมนุษยชนที่สาปสูญ ภายหลังถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่อุทยาน จึงต้องการให้ดีเอสไอเข้าไปขยายผลเพิ่มเติม ซึ่งก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง โดยประสานข้อมูลกับตำรวจในพื้นที่และนำนักนิติวิทยาศาสตร์เข้าตรวจสอบรถยนต์ต้องสงสัยของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พบคราบเลือดบริเวณพื้นพรมตำแหน่งด้านหลังคนขับ และเมื่อส่งตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ทราบผลเพียงเป็นเลือดมนุษย์ แต่ไม่สามารถตรวจหาดีเอ็นเอได้ เนื่องจากรถผ่านการล้างทำความสะอาดไปแล้ว  ส่วนกล้องวงจรปิดภายในอุทยานฯ ตามจุดต่างๆ  ดีเอสไอได้เข้าตรวจสอบเพื่อค้นหาหลักฐานจากรถต้องสงสัย ซึ่งภาพที่บันทึกได้เห็นเพียงรถยนต์แต่ไม่เห็นใบหน้าบุคคลในรถ  และการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งข่าวและชาวบ้าน 200  คนไม่มีใครให้ข้อมูล ส่วนของเจ้าหน้าที่อุทยานทุกคนที่เข้าเวรถูกเรียกสอบทั้งหมด แต่ทุกคนปฎิเสธไม่รู้เห็น

ทั้งนี้ การหายตัวไปของ นายพอละจี เมื่อปี 2560 ดีเอสไอเคยมีหนังสือไม่รับสอบสวนคดีการหายตัวไปของนายพอละจี  โดยแจ้งไปยังน.ส.พิณนภา  พฤกษาพรรณ  ภรรยา ว่า  ที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษมีมติไม่รับไว้เป็นคดีพิเศษ ก่อนที่น.ส.พิณนภาจะไปร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิฯ และยื่นเรื่องขอให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษอีกครั้ง