posttoday

จับหนุ่มรัดคอสาวดับก่อนทิ้งศพริมถนนเมืองปทุมฯ อ้างโมโหไม่ยอมมีเซ็กส์ด้วย

19 มิถุนายน 2561

ตำรวจจับหนุ่มวัย 30 ใช้ผ้ารัดคอฆ่าสาวก่อนทิ้งศพริมถนนย่านบางคูวัด ปทุมธานี อ้างโมโหถูกปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์

ตำรวจจับหนุ่มวัย 30 ใช้ผ้ารัดคอฆ่าสาวก่อนทิ้งศพริมถนนย่านบางคูวัด ปทุมธานี อ้างโมโหถูกปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์

เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร พร้อมด้วยพล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รองผบช.ภ.1 พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผกก.สส.ถ.จว.ปทุมธานีพล.ต.ต.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี และตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 1 ร่วมกันแถลงผลการจับกุมตัวผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมฆ่าข่มขืนอำพรางศพ

ผู้ต้องหาคือนายพีระพัฒน์ หรือโจ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี ในข้อหา "ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา" พร้อมของกลาง รถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า โดยจับกุมได้ที่บริเวณห้องพักใน ต.บ้านใหม่ อ.เมือง จ.ปทุมธานี

พล.ต.ต.สุรพงษ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 10.10 น. วันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา ศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 ปทุมธานี ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีพบผ้าห่มสีแดง บริเวณบ่อน้ำริมถนนสาย 345 ต.บางคูวัด อ.เมือง จ.ปทุมธานี ตรวจสอบภายในห่อผ้าพบศพหญิงอายุ 24 ปี ซึ่งพักอยู่ในหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี จึงได้ติดต่อกับญาติและกลุ่มเพื่อนสนิท ให้ข้อมูลว่าก่อนที่จะพบศพ ผู้ตายออกไปเที่ยวกลางคืน กับเพื่อน 3 คน ในระหว่างนั้นมีผู้ชายเข้ามาพูดคุยด้วย เวลาต่อมาผู้ตายได้ออกไปกับชายดังกล่าว โดยใช้รถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า มีจุดสังเกตหลังกระบะมีตู้ลำโพงพร้อมผ้าใบคลุม

จากการตรวจสอบภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดจากหน้าหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี จนถึงจุดที่พบศพ พบข้อมูลทะเบียนรถที่ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้อง นำไปสู่การออกหมายจับ นายพีระพัฒน์ ต่อมาวันที่ 18 มิ.ย.ตำรวจสืบสวน ติดตามจับกุมตัวนายพีระพัฒน์ได้ที่บริเวณห้องพักพร้อมรถกระบะคันที่ใช้ก่อเหตุ

นายพีระพัฒน์ รับสารภาพว่า สาเหตุเกิดจากผู้ตายปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์ ทำให้โกรธและลงมือทำร้ายโดยใช้ผ้ารัดคอผู้ตายจนเสียชีวิต และกลัวความผิดจึงได้นำศพห่อด้วยผ้าห่ม โดยใช้ถุงพลาสติกคลุมศีรษะไว้เพื่อป้องกันเลือดผู้ตายไหลหยดลงพื้น และใส่รถคันดังกล่าวไปทิ้งที่บริเวณคูน้ำริมถนน ต.บางคูวัด อ.เมือง จ.ปทุมธานี แล้วหลบหนีไป เบื้องต้นได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปทุมธานี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวต่อว่าคดีดังกล่าวเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ สร้างความหวาดกลัวแก่ประชาชนในพื้นที่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ประชุมวางแผนการปฎิบัติงานอย่างเป็นระบบ ซึ่งใช้เวลาในการสืบสวนและพิสูจน์จนทราบตัวผู้เสียชีวิต และผู้ต้องหาที่ก่อเหตุ ภายในเวลาอันรวดเร็ว