จับหญิงใช้สลากปลอมตระเวนขึ้นเงิน เผยทำเป็นขบวนการได้ครั้งละ2-4หมื่น

ตำรวจรวบหญิงนำปลอมลอตเตอรี่ก่อนนำไปขึ้นเงินตามร้านค้า สารภาพทำเป็นขบวนการหลอกเหยื่อสูญเงินรายละ 2-4 หมื่นบาท

เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว(รอง ผบช.ทท.) แถลงการจับกุม นางบุญลอง อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ฐาน “ฉ้อโกงปลอมแปลงเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม” หลังก่อเหตุปลอมแปลงสลากกินแบ่งรัฐบาลก่อนจะนำไปตระเวนขึ้นเงินตามร้านค้าจนมีผู้เสียหายหลายราย

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การจับกุมดังกล่าว สืบเนื่องจาก มีผู้เสียหาย ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน และมีการแจ้งความดำเนินคดีกับคนร้าย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการสืบสวนสอบสวนจนทราบว่า ผู้ก่อเหตุเป็นหญิงรายหนึ่งชื่อ นางบุญลอง โดยมีพฤติการณ์นำสลากกินแบ่งรัฐบาล มาตัดแปะแก้ไขตัวเลข แต่ทำอย่างแนบเนียน ก่อนจะตระเวนนำไปขึ้นเงินกับร้านค้าทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล พร้อมกับใช้บัตรประชาชนปลอมเป็นหลักฐานยืนยันตัวตนกับทางร้าน ทำให้พิสูจน์ตัวตนที่แท้จริงของคนร้ายได้ยาก

เมื่อร้านค้านำสลากกินแบ่งรัฐบาลฉบับนั้นๆ ไปขึ้นเงินกับทางสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ก็จะถูกปฏิเสธการจ่ายเงินรางวัลเนื่องจากเป็นสลากปลอม ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนเรื่อยมาจนกระทั่ง ทราบว่า คนร้ายได้หลบหนีมา อยู่ที่ห้องเช่าย่านเขตมีนบุรี จึงได้ติดตามจับกุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ขบวนการปลอมสลากกินรัฐบาลดังกล่าวมี นายดำ ไม่ทราบชื่อ-นามสกุล เป็นตัวการใหญ่ ทำการปลอมสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยวิธีการจะตัดแปะหมายเลขและบาร์โค้ดในสลากกินแบ่งรัฐบาล รวม 2 จุด เพื่อตบตาทำให้แม่ค้าดูไม่ออกด้วยตาเปล่าจนหลงเชื่อ และมอบเงินตามรางวัลให้ โดยการขึ้นเงินรางวัลกับร้านค้านั้น ผู้ต้องหา จะหลอกเหยื่อรายละ 2-4 หมื่นบาท ขณะนี้ทางตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขยายผลจับกุม นายดำ และขบวนการมาดำเนินคดี

ด้าน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ร่วมกับ พวก 3-4 คนก่อเหตุมาตั้งแต่ปี 2550 โดยมีผู้เสียหายกว่า 100 รายตกเป็นเหยื่อ สำหรับสลากกินแบ่งรัฐบาลปลอมนั้น นายดำ อายุประมาณ 60 ปี ซึ่งรู้จักกันมาก่อนแต่ไม่สนิทจะนำมาให้ พร้อม บัตรประชาชนปลอม โดยนัดหมายมอบกัน ย่านรังสิต ก่อนจะกระจายไปหลอกเหยื่อตามพื้นที่

ทั้งนี้ นายดำ จะเป็นผู้กำหนด พื้นที่ให้ไปแลกเงิน ยอดเงินรางวัลที่เคยหลอกร้านค้า สูงสุด 40,000 บาท และตนจะได้ส่วนแบ่งจาก นายดำ 14,000 บาท