posttoday

สำนักพุทธฯสั่งสอบบัญชีวัดทั่วประเทศ

11 มิถุนายน 2561

พศ.สั่งทุกจังหวัดตรวจสอบบัญชีวัด เน้นพระสงฆ์ที่ไม่ได้ถือเงินสด แต่ส่งเข้าบัญชีกลาง พร้อมส่งข้อมูลด่วนทันที

พศ.สั่งทุกจังหวัดตรวจสอบบัญชีวัด เน้นพระสงฆ์ที่ไม่ได้ถือเงินสด แต่ส่งเข้าบัญชีกลาง พร้อมส่งข้อมูลด่วนทันที

พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ลงนามบันทึกข้อความด่วนแจ้งไปยังผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ทั่วประเทศ ให้เข้าไปสัมภาษณ์และขอข้อมูลด้านการจัดการการเงินและบัญชีของวัดจากพระภิกษุสงฆ์ตามวัดพื้นที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะพระที่ไม่ต้องถือเงินสด แต่จะนำเงินเข้าบัญชีส่วนกลางของวัดทันทีเมื่อได้รับเงิน

ทั้งนี้ ในบันทึกคำสั่งยังระบุอีกว่า หากพบว่าวัดใดมีการดำเนินการในลักษณะข้างต้น ให้ทำการสัมภาษณ์เกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีการดำเนินการ โดยให้บันทึกเป็นวิดีโอ พร้อมสรุปข้อมูลขั้นตอนและวิธีการดำเนินการ และส่งให้ พศ.ทันทีภายในวันที่ 11 มิ.ย. 2561 แต่หากตรวจสอบแล้วไม่พบว่ามีการดำเนินการลักษณะนี้ก็ให้รายงานให้ทราบด้วยเช่นกัน

ขณะเดียวกันตำรวจกองปราบปรามเตรียมนำตัว นายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ชำนาญการพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มาสอบปากคำกรณีโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าจะมีการจับกุมสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ รวมถึงเจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการามวรวิหาร ในความผิดเกี่ยวกับคดีเงินทอนวัด จนเกิดกระแสวิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมและเกิดความปั่นป่วนในคณะสงฆ์ด้วย

ด้านคณะโฆษกดีเอสไอออกแถลงการณ์ว่า การดำเนินคดีอาญาในเรื่องเงินทอนวัดเป็นอำนาจของพนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ได้สั่งการให้ผู้อำนวยการกองคดีภาษีอากร ซึ่งเป็นต้นสังกัดของนายพิสิฐชัย รายงานข้อเท็จจริงมาเพื่อพิจารณาดำเนินการแล้ว อีกทั้งคดีดังกล่าวดีเอสไอไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง และแม้จะเป็นการเขียนข้อในเฟซบุ๊กส่วนตัว แต่นายพิสิฐชัยเป็นข้าราชการระดับสูงของดีเอสไอ อาจทำให้สังคมสับสนและเกิดความเสียหายต่อผู้เกี่ยวข้องได้

ทั้งนี้ มีรายงานว่าที่ผ่านมานายพิสิฐชัยมีความใกล้ชิดกับคณะสงฆ์ รวมถึงยังได้รับความไว้วางใจจากมหาเถรสมาคม (มส.) ให้เป็นคณะอนุกรรมการรวบรวมข้อมูลข่าวสารของคณะกรรมการติดตามข้อมูลข่าวสารของ มส.ด้วย ซึ่งคณะกรรมการชุดดังกล่าวมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม กรรมการ มส. เป็นประธาน

มีรายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับการติดตามตัวอดีตพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร ผู้ต้องหาคดีเงินทอนวัดที่ขอลี้ภัยที่เยอรมนี ล่าสุดทางการเยอรมนีได้ประสานมายังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ว่าจะยังไม่ส่งตัวอดีตพระพรมเมธีกลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย เนื่องจากต้องพิจารณาและตรวจสอบเอกสารรวมถึงสถานะที่แท้จริงของอดีตพระพรหมเมธี

อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้ยื่นเอกสารยืนยันตัวบุคคลว่าอดีตพระพรหมเมธี เป็นผู้ต้องหาในคดีทุจริตและยังมีคดีฟอกเงินด้วย ซึ่งไม่ได้เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการเมือง หรือการละเมิดสิทธิมนุษยชนภายในประเทศ เพื่อมอบให้กับสถานทูตเยอรมนีประจำประเทศไทยพิจารณา