posttoday

เลื่อนสั่งคดี "เมจิกสกิน"เป็น12 กค. ปล่อย 2 สามีภรรยาเจ้าของบริษัท

08 มิถุนายน 2561

อัยการเลื่อนสั่งคดี "เมจิกสกิน"เป็น 12 ก.ค.นี้ เหตุให้ตำรวจสอบเพิ่มสารประกอบอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง ยังไม่เสร็จ สั่งปล่อย 2 สามีภรรยาเจ้าของบริษัท

อัยการเลื่อนสั่งคดี "เมจิกสกิน"เป็น 12 ก.ค.นี้ เหตุให้ตำรวจสอบเพิ่มสารประกอบอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง ยังไม่เสร็จ สั่งปล่อย 2 สามีภรรยาเจ้าของบริษัท

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 8 มิ.ย.61 ที่สำนักงานอัยการคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร ถ.รัชดาภิเษก นายยงยุทธ สิทธิธัญกิจ อธิบดีสำนักงานคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร พร้อมด้วย นายพรชัย บุญถนอม อัยการพิเศษฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 , คณะทำงานอัยการคดีเมจิกสอน และนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมกันแถลงผลการนัดสั่งคดี “เมจิกสกิน” ครั้งเเรก ภายหลังเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ป. ส่งสำนวนการสอบสวน 2 ลัง พยานเอกสารหลักฐาน 6,932 แผ่น ที่มีผู้เสียหายรวม 145 คน มูลค่าความเสียหาย 113 ล้านบาทเศษ พร้อมความเห็นสมควรฟ้อง บริษัท เมจิกสกิน จำกัด โดย นาย กร พวงสน ผู้ต้องหาที่ 1 , นายกร พวงสน อายุ 37 ปี  ในฐานะส่วนตัว ผู้ต้องหาที่ 2 , นางวรรณภา พวงสน อายุ 34 ปี (ภรรยาของนายกร) ผู้ต้องหาที่ 3 , น.ส.ตรีชฎา หรือส้ม ใจสบาย อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาที่ 4 , บริษัท ฮานิวโคเรีย จำกัด ผู้ต้องหาที่ 5 และน.ส.ปาจรีย์ วงศ์สมบูรณ์ อายุ 33 ปี ในฐานะส่วนตัว ผู้ต้องหาที่ 6 ตามความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา  343 ,  พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 , พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ.2558 ให้อัยการพิจารณาสั่งคดี

โดย นายยงยุทธ สิทธิธัญกิจ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีเศรษฐกิจฯ กล่าวว่า ได้รับสำนวนคดีเมจิกสกิน มาตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งสำนวนมีเอกสารทั้งหมด 6,932 แผ่น รวมใน 14 แฟ้ม มีผู้กล่าวหา 145 คน มีการสอบสวนพยานบุคคลมาทั้งหมด 28 ปาก กล่าวหาผู้ต้องหา 6 ราย โดยผู้ต้องหาบางรายจะครบระยะเวลาฝากขังซึ่งเป็นเวลากระชั้นชิด และสำนวนค่อนข้างเร่งด่วนเมื่ออัยการได้รับสำนวนมา ตนในฐานะอธิบดีรีบสั่งให้สำนักงานอัยการคดีเศรษฐกิจฯ 2 ดูแลตรวจสอบสำนวน ก็พบว่าสำนวนดังกล่าวยังมีข้อจำเป็นต้องสั่งสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งคดีดังกล่าวเป็นคดีสำคัญ มีผลกระทบกับประชาชน อัยการคดีเศรษฐกิจฯ ก็ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาด้วย โดยมีนายพรชัย บุญถนอม อัยการพิเศษฝ่ายคดีเศรษฐกิจฯ 2 ดูแล

ขณะที่ นายพรชัย บุญถนอม อัยการพิเศษฝ่ายคดีเศรษฐกิจฯ 2 ผู้ดูแลการสั่งคดี กล่าวถึงความจำเป็นการสั่งสอบสวนเพิ่มเติมว่า หลังจากรับสำนวนมาแล้ว อัยการก็ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาเพราะเห็นว่าเป็นคดีสำคัญ โดยการทำงานของอัยการในทุกเรื่อง เราจำเป็นต้องดูเนื้อหา ข้อเท็จจริง ขณะที่สำนวนคดีนี้กล่าวหา ทั้งเรื่องฉ้อโกงประชาชน หลอกลวง , พ.ร.บ.เครื่องสำอาง ดังนั้นต้องให้ได้ข้อเท็จจริงครบถ้วนก่อน

โดยเรื่องนี้ตั้งต้นมาว่ามีการหลอกลวงในสรรพคุณสินค้า ซึ่งสินค้าของกลางที่ปรากฏในส่วนนี้ มีเฉพาะ “เซรั่มทารักแร้ขาว” เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่ใช่สินค้าทั้งหมด โดยสำนวนคดีก็มีพยานบุคคล พยานเอกสาร แต่สิ่งที่เราเพ่งเล็งอย่างมากคือ การตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ในเของกลางว่าเป็นไปตามเนื้อหาที่มีการหลอกลวงหรือไม่ ซึ่งของกลาง “เซรั่มทารักแร้ขาว” จะมี 2 ส่วน คือ 1.สารประกอบที่ระบุตามฉลากผลิตภัณฑ์ และ 2.สรรพคุณ โดยในสำนวนคดียังไม่ปรากฏเรื่องสารประกอบและสรรพคุณ ซึ่งการที่จะบอกว่าผู้ใดหลอกลวงผู้อื่น จะต้องรู้อะไรจริง อะไรเท็จ ดังนั้นต้องรู้ว่าสิ่งที่โฆษณาสรรพคุณแบบนี้จริงๆ แล้วเป็นอย่างนั้นหรือไม่ อย่างไร ซึ่งถือเป็นสาระสำคัญที่จะพิสูจน์การกระทำของผู้ต้องหาทั้งหมดว่าเป็นอย่างไร โดยในสำนวนการสอบสวนก็มีการส่งตรวจ แต่เป็นเพียงรายงานการตรวจว่ามีสารที่เป็นพิษต่อร่างกายหรือไม่เท่านั้น ซึ่งเรายังต้องการรายงานเรื่องสารประกอบ กับสรรพคุณว่าเป็นไปตามที่โฆษณาหรือไม่เพราะถ้าไม่ตรงกัน ก็จะเป็นการหลอกลวง จึงให้สอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นดังกล่าวและเรื่องอื่นๆ อีกหลายประเด็นด้วยทั้งพยานบุคคลและพยานเอกสาร

“ที่เน้นหลักคือ เรื่องของกลาง ที่อยากทราบว่าสารประกอบเป็นไปตามในฉลากหรือไม่ สรรพคุณที่โฆษณาเป็นไปตามที่โฆษณาหรือไม่ ซึ่งในส่วนนี้ไม่สามารถที่จะใช้พยานบุคคลทั่วไป  ไม่สามารถใช้ผู้กล่าวหา นอกจากผู้ตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เฉพาะทางเท่านั้น เราจึงให้มีการสอบสวนในประเด็นนี้ไปกับเรื่องอื่นด้วยเพื่อให้ได้ความชัดจน ซึ่งจะเร็ว-ช้าอย่างไร ก็ขึ้นกับการตรวจพิสูจน์ของเจ้าหน้าที่ทางวิทยาศาสตร์ โดยการทำงานของอัยการไม่ใช่ว่าเอาข้อเท็จจริงแค่ไหนก็แค่นั้น แต่สาระสำคัญอยู่ที่ว่าหลอกลวงในเรื่องอะไรก็ต้องให้ได้ความชัด จึงต้องใช้ความละเอียด” 

ด้าน นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกอัยการ กล่าวย้ำ ถึงการทำงานของคณะทำงานอัยการว่า คณะทำงานนั้นประกอบด้วย นายโอภาส บุญช่วย อัยการผู้เชี่ยวชาญฯ เป็นหัวหน้าคณะทำงานและเจ้าของสำนวน , น.ส.ณภัสนันท์ กุลจิราธราสิริ และน.ส.เมริกา เหลืองอมรเลิศ อัยการประจำกองคดีเศรษฐกิจฯ 2 ร่วมกันพิจารณาแล้ว ปรากฏว่า คดีมีประเด็นต้องสั่งสอบสวนเพิ่มเดิมเพื่อให้สิ้นกระแสความ โดยเฉพาะประเด็นที่ต้องตรวจพิสูจน์ของกลางทางนิติวิทยาศาสตร์ ดังนั้นในวันนี้จึงไม่สามารถที่จะสั่งสำนวนไปในแนวทางไหนใดได้เพราะยังไม่สิ้นกระแสความ ในส่วนของผู้ต้องหา 2 คน คือ น.ส.ตรีชฎา และ น.ส.ปาจรีย์ ที่ได้ประกันตัวไป เราจึงให้เลื่อนนัดสั่งคดีไปในวันที่ 12 ก.ค.นี้

ส่วนผู้ต้องหาที่ 2-3 ซึ่งตัวอยู่ในอำนาจฝากขังของศาล อัยการก็จำเป็นต้องยื่นคำร้องขอให้ศาลปล่อยตัวไปก่อนตามขั้นตอนเพราะการฝากขังทำได้ 4 ผลัด (48 วัน) ซึ่งผู้ต้องหาที่ 2-3 (ตัวได้ประกันชั้นฝากขัง) จะพ้นอำนาจการควบคุมตัวในฝากขังครั้งสุดท้ายวันเสาร์ที่ 9 มิ.ย.นี้ และเมื่ออัยการมีคำสั่งทางคดีอย่างไรแล้วจึงต้องประสานงานกับพนักงานสอบสวน ดำเนินการเพื่อให้ได้ตัวมาอีกครั้งหนึ่ง

“ชัดเจนว่าวันนี้สำนวนยังสั่งไปทางใดทางหนึ่งไม่ได้ เนื่องจาก 1.คดีนี้ยังไม่สิ้นกระแสความ 2.สำนวนคดีมีการฝากขังในส่วนของผู้ต้องหาที่ 2-3 ได้เพียง 4 ฝากและพนักงานสอบสวนก็ส่งสำนวนมาให้อัยการพิจารณาที่มีเวลาเหลืออีกเพียง 5-6 วัน ซึ่งก็เร่งรัดทำงานกันอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามสำนวนคดีเราแจ้งสอบสวนเพิ่มเติมไปแล้ว และพนักงานสอบสวนแจ้งเหตุขัดข้องมายังไม่สามารถดำเนินการได้ทันเพราะมีกระบวนการต้องตรวจพิสูจน์ ดังนั้นอยากสื่อสารกับสังคมว่าคดีนี้พนักงานอัยการได้เร่งรัดทำงานอย่างละเอียดรอบคอบ รัดกุมเต็มที่แล้ว เพียงแต่ว่ามีประเด็นต้องสอบสวนเพิ่มเติม”

รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวย้ำว่า คดีนี้ไม่ใช่อัยการสั่งไม่ฟ้อง และไม่ใช่คดีขาดอายุความฟ้อง แต่เป็นเรื่องอำนาจการควบคุมตัวที่ครบระยะเวลาตามกฎหมายแล้วการพิจารณาสำนวนยังไม่เสร็จ ดังนั้นจึงต้องปล่อยตัวผู้ต้องหาไปก่อนตามที่กฎหมายกำหนดอัยการยังไม่ได้ยุติคดี แต่เป็นการสั่งสอบเพิ่มเติมเพื่อความรอบคอบ เพราะอัยการจะเร่งฟ้องคดีไปโดยยังขาดพยานหลักฐานไม่ได้ เพราะหากฟ้องไปผิดๆแล้วถูกยกฟ้องจะกลับมาแก้ไขไม่ได้ และเท่าที่ทราบในส่วนของผู้ต้องหาที่ 2-3 นั้นถูกฝากขังคดีถึง 4-5สำนวนดังนั้นการสิ้นสุดระยะฝากขังก็จะเป็นไปตามสำนวนแต่ละคดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ นายกร พวงสน ผู้ต้องหาที่ 2 ผู้ดูแลการเงินบริษัทเมจิก สกิน และนางวรรณภา พวงสน ผู้ต้องหาที่ 3 ซึ่งเป็นภรรยาของนายกร และหัวหน้าทีมบริษัทนั้นพนักงานสอบสวน ได้ยื่นฝากขังครั้งตั้งแต่วันที่ 23 เม.ย.61 ซึ่งนายกร ถูกฝากขัง 2 สำนวน และนางวรรณภา ฝากขังรวม 5 สำนวน โดยทั้งสองได้รับการปล่อยชั่วคราวไปสำนวนละ 500,000 บาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกปะเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล โดยศาลอาญา นัดให้ทั้งสองมารายงานตัวต่อศาลหลังครบกำหนดฝากขังครั้งที่ 4 ในวันที่ 11 มิ.ย.นี้ ตั้งแต่เวลา 08.30 น.เป็นต้นไป

ขณะที่สำนวนการสอบสวนคดีนั้น พนักงานสอบสวนเห็นควรฟ้อง ผู้ต้องหาที่ 1-4 ถูกกล่าวหาร่วมกันฉ้อโกง , ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ข้อมูลที่บิดเบือน หรือข้อมูลที่เป็นเท็จทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน , ผลิตเพื่อจำหน่ายเครื่องสำอางปลอม รับจ้างผลิตเครื่องสำอางปลอม

ส่วนผู้ต้องหาที่ 5-6 แจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันรับจ้างผลิตเครื่องสำอางโดยไม่แจ้งรายละเอียดเครื่องสำอางตามที่จดแจ้ง , เป็นผู้รับจ้างผลิตฉลากที่มีข้อมูลซึ่งอาจก่อให้เกิดการเข้าใจผิดในสาระสำคัญที่เกี่ยวกับเครื่องสำอาง และรับจ้างผลิตเครื่องสำอางปลอม