posttoday

พบอีก30วัดเข้าข่ายทุจริตเงินทอน! ส่วนใหญ่ในภาคเหนือ-กลาง

07 มิถุนายน 2561

พนักงานสอบสวนปปป.พบอีก 30 วัด เข้าข่ายทุจริตเงินทอน ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ-กลาง ชี้เป็นผู้ต้องหากลุ่มเดิมที่กระทำความผิด

พนักงานสอบสวนปปป.พบอีก 30 วัด เข้าข่ายทุจริตเงินทอน ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ-กลาง ชี้เป็นผู้ต้องหากลุ่มเดิมที่กระทำความผิด

เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป. เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบคดีทุจริตเงินงบประมาณอุดหนุนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติหรือเงินทอนวัดล็อต 4 ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดกรอบที่ชัดเจน เพราะเจ้าหน้าที่ บก.ปปป. ทั้ง 6 กองกำกับการ อยู่ระหว่างลงพื้นที่ตรวจสอบวัดทั่วประเทศที่ได้รับงบประมาณจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เกิน 1 ล้านบาท และมีการรายงานผลปฏิบัติให้กับ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ผอ.พศ.) รับทราบทุกเดือน ซึ่งหากมีหลักฐานชัดเจน ผอ.พศ. จะมาร้องทุกข์กับ บก.ปปป. เพื่อดำเนินการขยายผลต่อไป สำหรับ ปปป. ทำคดีเกี่ยวข้องกับการทุจริต ส่วนคดีฟอกเงินจะประสาน ปปง. ช่วยตรวจสอบ

รายงานข่าวแจ้งว่า การประชุมคณะพนักงานสอบสวน ปปป. ที่รับผิดชอบดูแลสำนวนทุจริตเงินทอนวัดพบความเชื่อมโยงของขบวนการทุจริตที่ขยายเกี่ยวข้องไปยังหลายวัด ทำให้มีการเพิ่มเป้าหมายในการตรวจสอบกว่า 100 วัด และพบว่ามีการทุจริตงบประมาณในรูปแบบเงินทอนวัดแล้ว เพิ่มเติมประมาณ 30 วัด ส่วนใหญ่เป็นวัดในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคกลาง เป็นผู้ต้องหากลุ่มเดิมที่กระทำความผิด ส่วนในพื้นที่ภาคใต้พบการกระทำความผิดไม่มากนัก

ขณะเดียวกัน มีการรายงานถึงรูปแบบการทุจริตเงินทอนวัดในล็อต 4 ว่าคล้ายกับการทุจริตในล็อต 1 2 และ3 คือมีเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และพระชั้นผู้ใหญ่เป็นศูนย์กลางในการทุจริต กระจายงบประมาณ ขอนำเงินผ่านบัญชีแต่ละวัด จากนั้นเรียกเงินทอนคืน แต่การทุจริตในล็อตที่ 4 มีรูปแบบพิเศษขึ้น คือ ปปป. พบความผิดส่วนตัวของพระบางรูปชัดเจนแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้

ส่วนพระครูกิตติพัชรคุณ เจ้าอาวาสวัดลาดแค เจ้าคณะอำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาเงินทอนวัดล็อต 1 นั้น ตรวจสอบเพิ่มเติมว่าพบการกระทำความผิดในรูปแบบเดียวกัน กับการตรวจพบการทุจริตเงินทอนวัดล็อต 4 ของ ปปป. คือการติดต่อวัดภาคเหนือตอนล่าง เพื่อขอนำเงินผ่านบัญชีมากว่า10วัด จากนั้นนำเงินทั้งหมดโอนกลับมาบัญชีตนเอง

ทั้งนี้ สำนวนการทุจริตเงินทอนวัดล็อต 3 ชุดแรกของวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร , วัดสามพระยา และ วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร ทาง ป.ป.ช. ได้ตีสำนวนกลับมาให้ บก.ปปป. ดำเนินคดีต่อนั้นจะเข้าสู่กระบวนการสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อออกหมายเรียกแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่ง ปปป. เตรียมขออายัดตัวพระ 4 รูป ที่ถูกคุมขังจากคดีฟอกเงินของกองปราบปราม ประกอบด้วย อดีตพระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศ , อดีตพระราชอุปเสนาภรณ์ หรือพระสังคม สังฆะพัฒน์ , พระวิจิตธรรมภรณ์ หรือเจ้าคุณเทอด ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ และ อดีตพระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา ส่วนอดีตพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร ที่อยู่ระหว่างหลบหนีในคดีฟอกเงิน ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีเงินทอนวัดล็อต 3 ชุดแรกเช่นกัน