posttoday

"ไม่ได้สู้เพื่อเงินแต่สู้เพื่อความถูกต้อง" พ่อนรต.โดดร่มเสียชีวิตร้องอัยการ หลัง 4 ปีคดีอาญาไม่คืบหน้า

31 พฤษภาคม 2561

นายสาทร พุทธชัยยงค์ พ่อนักเรียนนายร้อยตำรวจโดดร่มเสียชีวิตร้องอัยการสูงสุด หลัง 4 ปีคดีอาญาไม่คืบหน้า

นายสาทร พุทธชัยยงค์ พ่อนักเรียนนายร้อยตำรวจโดดร่มเสียชีวิตร้องอัยการสูงสุด หลัง 4 ปีคดีอาญาไม่คืบหน้า

เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายสาทร พุทธชัยยงค์ บิดาของ นรต.ชยากร พุทธชัยยงค์ (โยโย่) ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์กระโดดร่มไม่กาง เข้าร้องเรียนต่อ นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อขอความเป็นธรรมกรณีคดีของลูกชายล่าช้า

นายสาทร กล่าวว่า แม้คดีความทางแพ่งคืบหน้าไปตามกระบวนการเเละมีการตัดสินในศาลชั้นต้นเเล้ว ทว่าในทางอาญา ข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงเเก่ความตาย เเละความผิดในมาตรา 157 ข้อหาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เรื่องกลับไม่มีความคืบหน้า แม้เวลาจะล่วงเลยมากว่า 4 ปีเเล้ว โดยอยู่ระหว่างพิจารณาของอัยการสูงสุดนานกว่า 4 เดือน ยังไม่การสั่งดำเนินคดีฟ้องร้องกับ 11 บุคคลแต่อย่างใด จึงขอความเป็นธรรมจากอัยการสูงสุด

"4 ปีคดียังไม่เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาล รู้ตัวผู้กระทำความผิดเเต่ยังไม่สามารถดำเนินคดีอาญาได้ อย่าให้ผู้สูญเสียต้องรอความยุติธรรมอีกเลย ความล่าช้าเป็นบ่อเกิดของความอยุติธรรมได้" 

นายสาทร กล่าวด้วยว่า รู้สึกเป็นกังวลต่อการเเทรกแซงกระบวนยุติธรรมในชั้นอัยการเนื่องจากที่ผ่านมาตนเคยได้รับโทรศัพท์จากอัยการท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนกับหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา

ทั้งนี้นับเป็นการร้องขอความเป็นธรรมต่อสำนักอัยการสูงสุดเป็นครั้งที่ 4 ของนายสาทร หลังก่อนหน้านี้เดินหน้าร้องเรียนอย่างต่อเนื่องเเละเคยยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมาเเล้ว

"ผมไม่ได้ต่อสู้เพื่อเงิน เพราะต่อให้ได้เงินมากแค่ไหนลูกผมก็ไม่ฟื้น แต่สู้เพื่อความถูกต้องไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้นอีก ถ้าไม่สู้อีกหน่อยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบิน อาจจะประมาณเลินเล่อหรือทุจริตเเบบที่เกิดขึ้นอีก เเต่ถ้าผมสู้เเล้วได้รับความเป็นธรรม มีผู้ถูกลงโทษตามกฎหมาย เป็นกรณีศึกษาขึ้น ต่อไปในหน่วยงานจะไม่มีใครกล้าทำเช่นนี้อีก" นายสาทรกล่าว

สำหรับเหตุการณ์สลดนักเรียนนายร้อยตำรวจกระโดดร่มจากเครื่องบินเเต่ร่มไม่กางตกกระเเทกพื้นเสียชีวิต ที่ค่ายนเรศวร จ.เพชรบุรี เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 มี.ค.2557 เป็นเหตุให้นักเรียนนายร้อยตำรวจชยากร พร้อมเพื่อนนักเรียนนายร้อยตำรวจ ณัฐวุฒิ ติรสุวรรณสุข เสียชีวิต

ในคดีความทางแพ่งนั้น เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ที่ผ่านมา ศาลปกครองเพชรบุรีมีคำสั่งให้สำนักงานตำรวจเเห่งชาติชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตเป็นเงินกว่า 2 ล้านบาท โดยเห็นว่า อุปกรณ์ไม่ได้มาตราฐานและจนท.ประมาทละเลยต่อหน้าที่ อย่างไรก็ตาม นายสาทรได้ยื่นยื่นอุทธรณ์เพราะเห็นว่า จำนวนเงินที่ได้รับนั้นไม่สะท้อนกับความสูญเสียจากโอกาสที่หายไป โดยเงินชดเชยคิดจากเมื่อตอนเกิดเหตุที่ตนอายุ 51 ปี เเละคาดว่าจะมีอายุถึง 80 ปี คำนวณให้เดือนละ 6,000 บาทเป็นเวลา 29 ปี เท่ากับจะได้รับเป็นจำนวน 2 ล้านบาท และหากคิดออกมาเป็นรายวันจะน้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำด้วยซ้ำ ซึ่งไม่สมเหตุสมผล 

ขณะที่อีกคดีศาลแพ่งตัดสินให้บริษัท อุตสาหกรรมการบิน จำกัด และพนักงานสั่งซื้อสายลวดสลิง ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย จำนวน 2.75 ล้านบาท เนื่องจากประมาทเลินเล่อ

คดีนี้นายสาทรได้ยื่นยื่นอุทธรณ์เช่นกัน เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับประเด็นที่ศาลมองว่าผู้ตาย มีส่วนในการกระทำผิด เพราะไม่ได้ดึงร่มสำรองช่วย ทั้งที่มีพยานหลักฐานหลายอย่างนั้นยืนยันชัดเจนว่าผู้ตายดึงร่มสำรองเเล้ว โดยเฉพาะภาพถ่ายเเละคำให้การจากเพื่อนนักเรียนนายร้อยรุ่นเดียวกันที่อยู่ในเหตุการณ์ ที่ระบุผ่านสื่อว่า "ร่างโย่ลอยอยู่เหนือฟ้า สูงประมาณต้นตาล ตอนนั้นผมเห็นร่มฉุกเฉินกางเเล้ว"