posttoday

กองปราบไม่ฟันธง2พระผู้ใหญ่วัดดังหนีออกนอกประเทศ

25 พฤษภาคม 2561

ผบก.ป. ไม่ฟันธง 2 พระเถระชั้นผู้ใหญ่วัดดัง "พระพรหมสิทธิ-พระพรหมเมธี"อยู่หรือหนีออกนอกประเทศ ประสาน ตม.สกัด ขณะที่ จนท.คุม 2 อดีตพระสิงห์บุรี ฝากขังศาล หลังถูกจับสึกกลางดึก

ผบก.ป. ไม่ฟันธง 2 พระเถระชั้นผู้ใหญ่วัดดัง  "พระพรหมสิทธิ-พระพรหมเมธี"อยู่หรือหนีออกนอกประเทศ ประสาน ตม.สกัด  ขณะที่ จนท.คุม 2 อดีตพระสิงห์บุรี ฝากขังศาล หลังถูกจับสึกกลางดึก

เมื่อวันที่ 25 พ.ค. จากกรณีพล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.สั่งการให้ พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง รองผบช.ก. พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป.นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัด บก.ป. กระจายกำลังบุกเข้าตรวจค้นวัดดังในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เพื่อเข้าจับกุมพระชั้นผู้ใหญ่ที่มีการกระทำผิดกฎหมาย โดยแบ่งเป็นวัดในพื้นที่ กทม. 3 วัดที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีทุจริตเงินทอนวัด  ประกอบด้วย วัดสระเกศราชวรวิหาร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร เขตสัมพันธวงศ์ และวัดสามพระยาวรวิหารจนสามารถจับกุมตัวตัวพระเถระชั้นผู้ใหญ่ได้จำนวน 5 รูป ประกอบด้วย พระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา, พระพรหมสิทธิธงชัย สุขโข เจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ พระเมธีสุทธิกร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ,พระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม และฆราวาสอีกจำนวน 4 คน คือ น.ส.นุชรา สิทธินอก หญิงแม่บ้านที่รับเงินโอนจากวัด น.ส.ฑัมพร นิพนธ์พิทยา นายกเทศมนตรีตำบลนครชัยศรีมารดาของร.ท.ฐิติทัศน์ นิพนธ์พิทยา เจ้าหน้าที่ทหารในสังกัดศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย ที่เจ้าหน้าที่พบครอบครองปืน 23 กระบอก ,นายทวิช สังข์อยู่  เจ้าหน้าที่ของวัดสระเกศและเป็น 1 ในผู้ที่มีอำนาจเซ็นชื่อเบิกจ่ายเงินในบัญชีของวัด นายธีระพงษ์ พันธ์ศรี ลูกศิษย์วัดสระเกศ ซึ่งทั้งหมดเกี่ยวข้องกับบริษัท ดีดีทวีคูณ  ที่รับจ้างผลิตสื่อให้กับวัดสระเกศ และอีก 2 วัดในพื้นที่ต่างจังหวัดประกอบด้วย วัดอ้อน้อย อ.เมือง จ.นครปฐม เพื่อจับกุมพระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือพระพุทธอิสระ เจ้าอาวาส จากความผิดกรณีเมื่อครั้งการชุมนุมของกปปส.เมื่อปี 2556 และได้ปล้นทรัพย์เป็นอาวุธปืนของตำรวจสันติบาลไป รวมถึงกรณีปลอมแปลงพระปรมาภิไธย พระเครื่อง “พระนาคปรก” รุ่น “หนึ่งในปฐพี” โดยใช้เลือด หรือกระทำปะสะโลหิต  และจุดสุดท้ายเข้าตรวจค้นวัดกุฏีทอง  อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี  เพื่อจับกุมตัวพระครูวิลาสกิจจานุกูล รองเจ้าอาวาสวัดกุฎีทอง อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี และพระครูไกรศร วิลาศ เจ้าอาวาสวัดตราชู ที่เกี่ยวข้องกับกรณีที่พระพุทธรูปเก่าแก่ของวัดดังกล่าวได้หายไป ตามที่ได้เคยมีการนำเสนอไปแล้วนั้น

พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการติดตามตัวพระ 2 รูปที่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตเงินทอนวัด ซึ่งยังอยู่ระหว่างการหลบหนี คือ พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร , กรรมการ มส. และเจ้าคณะภาค 10 พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม กรรมการ มส. และเจ้าคณะภาค 4-7 จะทำการประสานไปยังตำรวจคนเข้าเมืองเพื่อขึ้นบัญชีแบล็คลิลส์ ห้ามออกนอก เพราะหากเมื่อมีการเดินทางออกนอกประเทศก็จะปรากฏรายชื่อทันทีว่าเป็นบุคคลที่มีหมายจับติดตัวไม่สามารถเดินทางได้ ทั้งนี้ส่วนพระทั้ง 2 รูปจะยังคงอยู่ในประเทศหรือเดินทางออกนอกประเทศไปแล้วนั้นยังไม่สามารถระบุได้เนื่องจากอยู่ระหว่างการตรวจสอบให้แน่ชัด นอกจากนี้ที่มีกระแสข่าวออกมาว่า พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ได้หลบหนีไปที่ประเทศสิงคโปร์แล้วนั้น ในส่วนนี้ตนยังไม่ทราบข้อมูลแน่ชัดขอให้เวลาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบก่อน ส่วนการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดเมื่อวานที่ผ่านมายังคงให้การปฏิเสธ

ส่วนกรณีที่กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพได้ว่ามีรถกระบะสีดำมารอรับเจ้าอาวาสวัดสระเกศนั้น ผบก.ป. กล่าวว่า คงต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบให้แน่ชัดก่อน เพราะมีข้อมูลจากกล้องวงจรปิดบางส่วนถูกลบทิ้งไปก่อนหน้านี้บ้างแล้ว ส่วนหลังจากนี้จะมีการเข้าค้นวัดใดเพิ่มเติม หรือจะมีการออกหมายเรียก และหมายจับใครอีกหรือไม่นั้น คงต้องรอความชัดเจนในที่ประชุมอีกครั้งซึ่งจะมีขึ้นในเวลา 13.00 น. โดยมี พล.ต.ท.ฐิติราช เป็นประธานในการประชุมดังกล่าว  ที่กองบังคับการปราบปราม

“ผมอยากให้แยกแยะให้ถูกว่าการที่พระผู้ใหญ่บางรูปมีการออกมาพูดว่าการที่ไปตรวจสอบทรัพย์สินของพระเหมือนเท่ากับเป็นการไปตรวจสอบศรัทธาของประชาชน ซึ่งมันไม่ถูกต้อง เพราะการที่ประชาชนที่เขาเอาเงินมาทำบุญนั้น เขามีวัตถุประสงค์อะไร เขาต้องการนำเงินมาทำบุญเพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ไม่ใช่เป็นการนำเงินที่ได้มาจากการทำบุญไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง” พล.ต.ต.ไมตรี กล่าวทิ้งท้าย

เวลา 11.00 น. ของวันเดียวกัน พนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้ทำการเบิกตัว อดีตพระครูวิลาสกิจจานุกูล รองเจ้าอาวาสวัดกุฎีทอง อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ข้อหาเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานและมีหน้าที่ซื้อทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใดหรือเป็นของผู้อื่นหรือโดยทุจริต ยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย และ อดีตพระครูไกรศร วิลาศ เจ้าอาวาสวัดตราชู ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ข้อหา "เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อทำจัดการหรือรักษาทรัพย์ใดหรือเป็นของผู้อื่นหรือโดยทุจริต ยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย" เพื่อนำตัวไปฝากขังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 จ.สระบุรี หลังเมื่อคืนที่ผ่านมาทางพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนและดำเนินการสึกผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เป็นที่เรียบร้อย

กองปราบไม่ฟันธง2พระผู้ใหญ่วัดดังหนีออกนอกประเทศ อดีตพระครูวิลาสกิจจานุกูลและ อดีตพระครูไกรศร วิลาศ